นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างยังมีแนวโน้มที่เติบโต เห็นได้จากยอด SSSG เป็นบวกตั้งแต่ Q4/64 และคาดต่อเนื่องมาจนถึง Q1/65 จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อ และยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะช้อปดีมีคืน
พร้อมประเมินรายได้ทั้งปี 65 อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 12.5% และยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ขึ้นเป็น 21-22% ในปี 65 จากปีก่อนที่ 20% นอกจากนี้ ยังเน้นกลยุทธ์ Product Mix และคาดว่าในปี 65 ระดับ GPM จะยังอยู่ที่ประมาณ 23-24%
สำหรับแผนขยายธุรกิจ ได้นำบริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (GBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GLOBAL และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เข้าซื้อหุ้นบริษัท Caturkarda Depo Bangunan Tok (CKDB) ผู้นำร้านค้าปลีก สินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือ รวมถึงการตกแต่งบ้านและสวนครบวงจร ในอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น CKDB 22% คาดจะเป็นโอกาสในแง่ของการลงทุน และเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น
"ราคาหุ้นของ GLOBAL ก็ยังเห็นโอกาสมีอัพไซด์ เราให้ Target Price ไว้ที่ 27.80 บาท/หุ้น เรามองว่า Sentiment ในช่วงไตรมาสแรกของปี 65 ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีในเรื่องของรายได้ ทั้งยอด SSSG ที่ดีต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อและมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ ในแง่ของการลงทุนต่างประเทศก็น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มการจัดจำหน่ายสินค้า ก็ต้องมองว่าในอนาคตจะขยายการลงทุนไปยังประเทศใกล้เคียงหรือเปล่า อันนี้ก็นับเป็นประเด็นที่น่าสนใจ" นางสาววิชชุดากล่าวด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้ม SSSG ยังคงดีต่อเนื่องจาก Q4/64 คาดเดือน ม.ค.65 เป็นบวกประมาณ 10% โดยสินค้าขายดีคือกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม และตกแต่ง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปี 65 คาดทรงตัวได้จากในปี 64 บริษัทได้ทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน อีกทั้งมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าจะชดเชยราคาเหล็กที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้
นอกจากการเข้าซื้อหุ้นใน CKDB ผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย GLOBAL ยังมีสาขาในกัมพูชา 1 สาขา ลาว 7 สาขา เมียนมา 8 สาขา และคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ในปี 66 ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากลาวและเมียนมาร์ในปี 64 โต 246% เป็น 81 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% ของกำไร GLOBAL และมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น
สำหรับ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวของ GLOBAL โดยคงกำไรสุทธิปี 65 ที่ 3.49 พันล้านบาท จากปัจจัยหลักอย่างรายได้ที่เติบโต +9% YoY หลังวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 7-8 สาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังภาคธุรกิจได้ปรับตัวกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อีกด้วย
และแม้ว่าจะคาด GPM ที่ 24.5% ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.2% หลังประเมินว่าราคาเหล็กอาจอ่อนตัวลงจากปี 64 อย่างไรก็ตาม GLOBAL จะยังมีการปรับกลยุทธ์การขาย Product Mix เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไร และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand มากขึ้น
https://www.youtube.com/watch?v=M6y9tCIyr4w