W จับมือเชฟดังต่อยอดธุรกิจทำร้านอาหารในโรงแรม-เน้นคุมต้นทุนดันกระแสเงินสดบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 1, 2022 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

W จับมือเชฟดังต่อยอดธุรกิจทำร้านอาหารในโรงแรม-เน้นคุมต้นทุนดันกระแสเงินสดบวก

นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิม เช่น การลงทุนทำร้านอาหารในโรงแรมแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการอาหารเช้า กลางวัน เย็น การรับจัดเลี้ยง และ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในห้องพัก (room dining) โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นทั้งแขกที่เข้าพักในโรงแรมและบุคคลภายนอก และจะต่อยอดธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เช่น การให้บริการอาหารแบบ Fine dining การให้บริการอาหารที่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบแบบ Farm to table รวมถึงการขยายสาขาของแบรนด์ต่าง ๆ ในทำเลที่มีศักยภาพ

การลงทุนต่อยอดธุรกิจในการทำร้านอาหารในโรงแรมนั้น บริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด หนึ่งในบริษัทย่อยได้เข้าลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท วันอินดรียา จำกัด ซึ่งบริหารงานโดย เชฟดีเค หรือดีแพงเกอร์ คอสลา (Deepanker Khosla) เชฟระดับนานาชาติและมีรางวัลการันตีและมีประสบการณ์การทำงานในโรงแรมและร้านอาหารมามากกว่า 10 ปี ดังนั้น การร่วมลงทุนในครั้งนี้บริษัทจะได้รับโอกาสในการขยายขอบเขตธุรกิจเพื่อให้ครอบคลุมถึงธุรกิจจำหน่ายอาหารและ เครื่องดื่มในโรงแรม และได้รับประโยชน์จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการทำอาหารจากเชฟดีเคอย่างแน่นอน

และในปี 65 นี้ บริษัทมุ่งเน้นที่สร้างยอดขายและควบคุมค่าใช้จ่ายให้ถึงจุดคุ้มทุนและมีกระแสเงินสดที่เป็นบวกจากการดำเนินงาน โดยปัจจัยที่จะสร้างยอดขายของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือการทำการตลาดผ่าน Data Analysis กล่าวคือ การนำข้อมูลในเชิงลึกมาเพื่อกำหนดแนวทางในการทำการตลาดและการวางแผนกลยุทธ์ เช่น การทำ Market Research หรือการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อกำหนดราคาและ ออกสินค้าใหม่ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ลูกค้าสามารถจับต้องได้จริง เช่น การให้สิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ หากลูกค้าไม่ได้รับการบริการตามมาตรฐานของแต่ละแบรนด์ที่ตั้งไว้

ส่วนในปี 64 แม้ว่าธุรกิจอาหารจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งต่อเนื่องจากปี 63 แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้เข้ากับยุค New Normal และการมุ่งเน้นแผนการตลาดให้มีความเข้มแข็งในเรื่องของแบรนด์มากขึ้น ทำให้มียอดขายจากกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัท 412 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปี 63 จำนวน 203 ล้านบาท เติบโตขึ้น 97% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการเติบโตของยอดขายในทุกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Kagonoya, Le Boeuf, BAKE Works และ DOMINO?S PIZZA และการรับรู้ยอดขายเต็มปีของแบรนด์ DOMINO?s Pizza ซึ่งในปี 63 รับรู้ยอดขายเพียง 3 เดือน

อนึ่ง W แจ้งผลประกอบการปี 64 ขาดทุนปี 64 เท่ากับ 276.45 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.34 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 238.81 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.351 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ