ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ (12 ธ.ค) เนื่องจากนักลงทุนไม่กล้าส่งแรงซื้อเข้ามาในตลาด หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา จากความวิตกกังวลที่ว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% นั้นอาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
เฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในที่ประชุมนโยบายของธนาคารเมื่อคืนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 4.25% ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% แต่เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยลงอีก และกล่าวว่า "มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรงขึ้น รวมถึงภาคธุรกิจและค่าใช้จ่ายผู้บริโภคซบเซาลง
นอกจากนี้ เฟดยังกล่าวอีกว่า ปัญหาในตลาดเงินได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปิดลบ 39.78 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 3,549.25 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,509.70 และ 3,557.87 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.5 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
"มีสัญญาณบ่งชี้ว่าความเสี่ยงระหว่างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะไม่มีความสมดุลกัน และเฟดก็ออกมายอมรับว่าขณะนี้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ" CIMB-GK กล่าว
"เราคิดว่าเฟดอาจออกมาตรการที่ระมัดระวังมากขึ้น และนโยบายการเงินต่างๆที่อาจเกิดขึ้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจว่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดเงินและปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงมากน้อยเพียงใด"
"บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซา โดยนักลงทุนเชื่อว่าดัชนีดาวโจนส์จะไม่สามารถไต่ระดับขึ้นเหมือนเช่นที่ผ่านมาได้ เพราะแนวโน้มผลประกอบการต่างๆในปีหน้ายังไม่แน่นอน" นาจิบ จาร์ฮอม หัวหน้านักวิเคราะห์จากเฟรเซอร์ ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
"ผมคิดว่าเมื่อตลาดซบเซา จะเป็นโอกาสให้นักลงทุนส่งแรงซื้อและควรขายหลังจากที่หุ้นได้เพิ่มขึ้น 5-10% ซึ่งนั่นจะเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก พวกเขาไม่ควรถือหุ้นดังกล่าวนานนัก" เขากล่าว
หุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยหุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ลดลง 30 เซนต์ และหุ้นธนาคารยูโอบี ร่วงลง 40 เซนต์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--