โบรกฯ หนุนลงทุนยาวหุ้น SATTEL มองไอพีสตาร์เริ่มโตจากตลาดอินเดีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 13, 2008 14:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ แนะนำลงทุนระยะยาวในบมจ. ชินแซทเทลไลท์(SATTEL)แม้ครึ่งปีแรกยังขาดทุน แต่เห็นแนวโน้มการเติบโตตลาดไอพีสตาร์ ปีนี้อินเดียจะเป็นความหวัง ส่วนตลาดจีนก็พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลา และถือว่าผ่านจุดต่ำสุดในปีที่แล้ว นอกจากนั้นหลังกม.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่ให้กทช.ออกใบอนุญาตได้ ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มลูกค้าดาวเทียมไทยคมจากธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมที่แนวโน้มเติบโต 
โบรกฯ ระบุว่าจังหวะช่วงนี้น่าลงทุนเพราะราคามี upside มากกว่า 20% จากราคาปิดเมื่อวาน (12 มี.ค.)ที่ 9.85 บาท เทียบจากราคาเป้าหมายของแต่ละโบรกเกอร์ โดยเมื่อ 10 มี.ค.51 ราคาหุ้นร่วงลงต่ำสุดที่ 9.70 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ไซรัส ซื้อลงทุนยาว 16.00
บล.บีฟิท ซื้อ 14.30
บล.ฟิลลิป ซื้อ 14.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 13.00
บล.นครหลวงไทย ซื้อเก็งกำไร 12.50
บล.กิมเอ็งฯ ทยอยสะสม 12.12
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส มองว่า ราคาหุ้น SATTEL ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย ซึ่งป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน และคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะดีกว่า 2 ปีก่อน เนื่องจากดาวเทียมไอพีสตาร์จะเริ่มมีรายได้จากตลาดอินเดียหลังจากนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งเกตเวย์แล้ว จะใช้เวลาติดตั้งที่มุมไมและนิวเดลีประมาณ 3 เดือน จากนั้นก็เปิดให้บริการได้ คาดว่าตลาดอินเดียจะเติบโตได้เร็วเพราะมีดีมานด์อยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นความหวังที่ดีในครึ่งปีหลัง
สวนทางกับตลาดจีนที่บริษัทเข้าไปขยายตลาดค่อนข้างช้ามาก แต่ขณะนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด และปรับโปรโมชั่น รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการขาย จากเดิมที่จับมือกับไชน่าแซทเพียงรายเดียว
ทั้งนี้ ดาวเทียมไอพีสตาร์ ตลาดอินเดียมีสัดส่วน 17% ส่วนตลาดจีนมีสัดส่วน 25% ของ capacity ไอพีสตาร์
น.ส.จิตรา เห็นว่าผลประกอบการบริษัทไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้แล้ว หลังจากลงทุนสร้างดาวเทียมไอพีสตาร์ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายตามมาคือค่าเสื่อมและดอกเบี้ยจ่ายปีละ 2 พันล้านบาท และปีก่อนลดหนี้ไปบ้างก็ลดค่าใช้จ่ายลดลงไปเหลือประมาณ 1,600 ล้านบาท
"เป็นหุ้นที่ลงทุนระยะยาวเพราะยังขาดทุน และครึ่งปีแรกนี้ก็ยังขาดทุน ฉะนั้นจะไปหวังผลประกอบการที่หวือหวาเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นหุ้นที่น่าลงทุน เพราะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ผ่านจุด bottom ไปในปีที่แล้ว ณ วันนี้ รอแต่ลูกค้าเข้ามา"น.ส.จิตรา กล่าว
ด้านน.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนำให้ทยอยสะสม เพราะดาวเทียมไอพีสตาร์ยังถือว่าอยู่ในช่วงต้นการดำเนินธุรกิจ ต้องรอเวลาให้ตลาดโตขึ้น แม้จะได้ตลาดอินเดียปีนี้ แต่ประเมินยากว่าตลาดจะเติบโตได้ตามที่คาดไว้ เท่าที่ดูจากตลาดจีนเปิดตลาดมา 2 ปีแล้วการขายก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไรนัก
"น่าจะมองแบบ conservative อาจจะรอให้มีรอออเดอร์ มียอดขายจริงเข้ามา แม้ว่าช่วงต่ำาสุดจะผ่านไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาในการทำกำไร จึงให้ทยอยสะสมที่เป้าหมาย 12.12 บาท แต่ก็มีอัพไซด์"น.ส.ศลยากล่าว
ส่วนบทวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป คาดว่า SATTEL จะเริ่มรับรู้รายได้จากอินเดียอีก 3 เดือนข้างหน้า หลังติดตั้งเกตเวย์ในอินเดียเสร็จ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการใช้ bandwidth ประมาณ 1Gbps หรือประมาณ 2% ของ capacity ของ IPSTAR
และ SATTEL ยังได้รับเงินปันผลจากบมจ.ซีเอส ล็อกอินโฟ(CSL)ประมาณ 109 ล้านบาท จากการจ่ายเงินปันผลพิเศษ 0.75 บาท(ก่อนหักภาษี) ซึ่งเป็นผลจาก CSL ลดพาร์จาก 1 บาทต่อหุ้นเป็น 0.25 บาทต่อหุ้น
รวมทั้ง พรบ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ซึ่งมีผลบังคับใช้ 5 มี.ค.51 ให้อำนาจหน้าที่ กทช. ทำหน้าที่แทน กสทช.ที่ยังไม่ได้มีการสรรหา ในการออกใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม และยังให้มีโฆษณาได้ ดังนั้นมองว่าจะมีผู้ประกอบการมาขอใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายและน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะมีผู้ประกอบการในธุรกิจสื่ออื่น ๆ สนใจทีจะให้บริการ ซึ่งจะทำให้มีการเช่าใช้บริการดาวเทียมไทยคมเพิ่มมากขึ้น
จึงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรในปีนี้ทั้งจากไอพีสตาร์ในไทย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะขยายตัวได้ และคาดว่าจะมีรายได้จากลูกค้าใหม่เช่น ในอินเดีย เกาหลี จีน ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปีนี้น่าจะมีกำไรประมาณ 481.81 ล้านบาท
แต่บล.นครหลวงไทย มองว่า การขายบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ในอินเดีย ต้องรออีกอย่างน้อย 3 เดือน และยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ส่วนกฎหมายกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ สร้างอุปสงค์ต่อ Ku-band SATTEL มีมุมมองบวกต่อกฎหมายดังกล่าวที่เริ่มใช้เมื่อต้นเดือน มี.ค.โดยมองว่าความต้องการเช้าใช้ช่องสัญญาณ(Transponder)บนดาวเทียมไทยคมทั้ง 3 (1-2-5) จะเพิ่มสูงขึ้นทั้งในช่องสัญญาณแบบ C-band และ Ku-band จึงมองว่าช่องสัญญาณที่จะมีความต้องการสูง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ