ตลาดหุ้นทั่วเอเชียส่วนใหญ่ต่างพากันฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) คาดการณ์ว่าการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีและการตั้งสำรองหนี้สูญจากการขาดทุนในตลาดซับไพร์มของบริษัทการเงินนั้นใกล้สิ้นสุดลงแล้ว โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 35.50 จุด หรือ 0.29% แตะระดับ 12,145.74 จุด สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเช้าดีดขึ้น 64.19 จุด หรือ 0.5% แตะที่ระดับ 12,497.63 จุด ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตพุ่งขึ้น 21.96 จุด หรือ 1.4% แตะที่ 1,637.58 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งบวก 234.48 จุด หรือ 1.1% แตะ 22,536.12 จุด เช่นเดียวกับดัชนีสเตรทส์ไทม์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.56 จุด หรือ 1.3% แตะระดับ 2,841.11 จุด นอกจากความเคลื่อนไหวในแง่บวกของ S&P แล้ว นักลงทุนยังได้รับปัจจัยหนุนให้เข้าซื้อหุ้นในตลาดหลังจากที่นายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐประกาศใช้มาตรการเพิ่มความเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากวิกฤตปล่อยกู้จำนองให้ลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์ซึ่งสร้างความเสียหายต่อตลาดเงินทั่วโลกและยังเป็นปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย "ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นอย่างคึกคักอีกครั้งในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากการที่ S&P ออกมาคาดการณ์ที่เป็นบวก" โฮเวิร์ด จอร์จ รองประธานของเซ้าท์ ไชน่า ซีเคียวริตี้ในฮ่องกงกล่าว ด้านเจมี่ สปิเทอรี นักวิเคราะห์จากชอว์ สต็อคโบรกกิ้ง ในนครซิดนีย์แสดงทัศนะว่า "ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งช่วยหนุนให้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกในเช้านี้ โดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลลงได้บ้างแล้วหลังจากที่ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักวานนี้"