ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ TPIPL ที่ BBB+ แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 19, 2022 17:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3.745 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดปัจจุบัน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LPDE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) รวมถึงการมีกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้า อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจใน 3 ธุรกิจหลักดังกล่าว รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์

อย่างไรก็ตาม ในการทบทวนอันดับเครดิตนั้นทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติก ตลอดจนผลกระทบจากการหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า แนวโน้มภาระหนี้สินของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ และความเสี่ยงจากการลงทุนใน "โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ" (Special Economic Zone -- SEZ) อีกด้วยเช่นกัน

ผลกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ในปี 2564 โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจพลาสติก ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรที่สูงของธุรกิจพลาสติกนั้นเป็นผลมาจากส่วนต่างที่กว้างขึ้นของราคา EVA รวมถึงสินค้ากาวเคมีและวัตถุดิบ ตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ EVA เกรดพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เติบโตมากขึ้น

สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงขยะ (Refuse-Derived Fuel -- RDF) ทั้งหมดของบริษัทยังคงดำเนินการได้อย่างดีและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณที่มากขึ้นเนื่องจากได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการติดตั้งหม้อไอน้ำสำรอง นอกจากนี้ เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงสามารถใช้ RDF ทดแทนถ่านหินได้ถึง 40% ซึ่งช่วยลดต้นทุนปูนเม็ดให้แก่บริษัทได้อีกด้วย

ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากการหมดอายุลงของ Adder จำนวนมากซึ่งจะมีผลในช่วงระหว่างปี 2565-2568 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่ารายได้ที่ลดลงนั้นน่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่งของธุรกิจพลาสติก ตลอดจนธุรกิจปูนซีเมนต์ที่น่าจะฟื้นตัว และการปรับเพิ่มขึ้นของค่า Ft

ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผลกำไรเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งโครงการที่สำคัญประกอบไปด้วย การขยายกำลังการผลิต EVA การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โครงการทดแทนถ่านหินด้วยเชื้อเพลิง RDF ทั้งในโรงงานปูนซีเมนต์และโรงไฟฟ้า รวมถึงการเสนอขอสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหิน/RDF ขนาด 70 เมกะวัตต์ ซึ่งหากสามารถรับรู้ผลประโยชน์จากโครงการเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ ผู้บริหารของบริษัทคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ที่ระดับ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2566

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนโครงการลดต้นทุนต่างๆ และใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ (Waste-to-Energy ? WTE) ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งใหม่ 2 โครงการในจังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา และยังมีแผนจะเข้าร่วมประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะฉบับใหม่ๆทั่วประเทศ

สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษนั้น โครงการดังกล่าวถูกระงับชั่วคราว และความก้าวหน้าของโครงการนั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของรัฐบาล ทั้งนี้ บริษัทจะยังไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมใด ๆ ในโครงการดังกล่าวในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าโครงการน่าจะยังดำเนินต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ และได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าความเข้มแข็งทางการเงินของบริษัทซึ่งวัดด้วย อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธินั้น น่าจะอ่อนแอลง แต่เชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าสถานะในการแข่งขันของบริษัทในธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติกจะยังคงเดิม ในขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดให้แก่กลุ่มต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่จะลดลงจากการหมดอายุของ Adder ได้บางส่วน ในขณะที่ผลการดำเนินงานและภาระหนี้สินของบริษัทจะยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นมีจำกัดในระยะใกล้เนื่องจากแนวโน้มกระแสเงินสดที่ลดลงและความต่อเนื่องของการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี การปรับเพิ่มอันดับเครดิตก็อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานต่าง ๆ และ/หรือประสบความสำเร็จในการได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการหมดอายุของ Adder ได้

ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังอาจประกอบด้วยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ของบริษัทที่ลดลงต่ำกว่า 6 เท่าเป็นระยะเวลานานและบริษัทสามารถกระจายความหลากหลายของแหล่งกู้ยืมได้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผลกำไรลดลงอย่างมาก และ/หรือบริษัทมีการลงทุนโดยใช้หนี้เงินกู้อย่างเกินตัว นอกจากนี้ การสูญเสียส่วนทุนจำนวนมากจากคดีฟ้องร้องที่ยังคงดำเนินอยู่ก็อาจส่งผลทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้ด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ