บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแต่งตั้งให้นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) พร้อมตั้งนายศักดิ์ดา พรรณไวย รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจและการเงิน (CFO) ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
นายธานินทร์ เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการใหม่ครั้งนี้ นับเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยเพิ่มตำแหน่ง CEO เพื่อสนับสนุนงานพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน การพัฒนาโครงการในอนาคต และมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และนโยบายของ DMT
"ภารกิจหลักสำคัญ หลังเข้ารับตำแหน่ง CEO คือ กำหนดนโยบาย วางแผนกลยุทธ์ ธุรกิจ และแผนงบประมาณเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development) และวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการเจริญเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่ยั่งยืน โดยการขับเคลื่อนองค์กรตามทิศทางและเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และดำเนินการให้บรรลุผลตามเป้าหมาย ใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบบริหารจัดการจราจร และระบบเก็บเงิน
และศึกษาในการลงทุนโครงการใหม่ทั้งกลุ่มธุรกิจทางด่วนหรือทางพิเศษ (Toll Road Business) และการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Non-Toll Road Business) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการบริการ ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสำหรับการเดินทาง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการดำเนินงานให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายธานินทร์ กล่าว
ด้านนายศักดิ์ดา กล่าวเสริมว่า ภารกิจสำคัญหลังจากเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ (MD) คือ การดำเนินการตามนโยบาย และร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน บริหารกิจการของบริษัทฯ ตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ นโยบาย ระเบียบ ข้อกำหนด ข้อผูกพันตามสัญญาต่าง ๆ คำสั่ง และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทุกประการ
โดยพร้อมทำงานร่วมกับ CEO เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการใหม่ ๆ ทั้ง Toll Road Business และ Non-Toll Road Business รวมทั้งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัล และ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประโยชน์ต่อสังคม
นายศักดิ์ดา กล่าวอีกว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ค่าผ่านทางในปีนี้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.25 ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท โดยประมาณการดังกล่าวสะท้อนจากสภาพการจราจรที่ใกล้เคียงมากที่สุด รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 หรือ COVID-19