ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ (17 มี.ค.) หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากข่าวที่ว่าแบร์ สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ขาดสภาพคล่อง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 194.65 จุด หรือ 1.60% แตะระดับ 11,951.09 จุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีข่าวว่า แบร์ สเติร์นส์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐยอมรับว่า บริษัทขอรับเงินกู้ฉุกเฉินจาก เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เนื่องจากขาดสภาพคล่อง ต่อมาเจพีมอร์แกน เปิดเผยว่า ทางบริษัทตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของของแบร์ สเติร์นส์เป็นวงเงิน 236.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการปิดตำนานหนึ่งในวาณิชธนกิจรายใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้ซึมซับปัจจัยลบจากการรายงานของสำนักข่าวเทเลกราฟของอังกฤษที่ว่า วาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ อาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์เป็นวงเงินมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ กระแสข่าวเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานฉุกเฉินลงมาสู่ระดับ 3.25% จาก 3.50% และการสร้างศูนย์ปล่อยกู้พิเศษที่ธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กสำหรับนักลงทุนในตลาดการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งได้ประกาศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ก็หนุนตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ปัจจัยลบต่างๆได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นต่างๆ และแนะว่านักลงทุนไม่ควรรีบเร่งเทรดในตลาดจนกว่าจะผ่านพ้นเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถคาดเดาทิศทางของตลาดและเศรษฐกิจสหรัฐได้ดีกว่านี้" นักวิเคราะห์จากดีบีเอส วิคเกอร์สกล่าว สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ลดลง 46.26 จุด หรือ 1.6% ปิดที่ 2,792.75 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 1.3 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์