CONSENSUS: โบรกเชียร์ซื้อ BH ลุ้นปี 65 โตเด่นจากลูกค้าต่างชาติฟื้นรับอานิสงส์เปิดประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 6, 2022 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ดีบีเอส                  ซื้อ               190.00
          บัวหลวง                 ซื้อ               190.00
          เอเซียพลัส               ซื้อ               190.00
          ยูโอบี เคย์เฮียน           ซื้อ               185.00
          เมย์แบงก์                ซื้อ               185.00
          ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี          ซื้อ               179.00
          กสิกร                   ซื้อ               175.00
          โนมูระ พัฒนสิน            ซื้อ               150.00

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า BH เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายการเปิดประเทศที่ทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามารับการรักษาในประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้จะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการของ BH ในปี 65 นี้

ขณะที่ด้านราคาหุ้นของ BH แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงในระยะสั้น และมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามประเมินว่าราคาที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนจะอยู่ที่บริเวณราคา 145-150 บาท/หุ้น เนื่องจากเป็นกรอบแนวรับที่แข็งแกร่งในรอบนี้

"BH เป็นหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศและผู้ป่วยชาวต่างชาติ ทำให้ยังเห็นโอกาสในการฟื้นตัวอยู่ และเมื่อเทีบกับหุ้นโรงพยาบาลอื่นที่โฟกัสผู้ป่วยภายในประเทศ ก็น่าจะมีผลประกอบการที่ดีที่สุดไปแล้ว และจะเริ่มชะลอลงจากนี้ แต่ว่าทางด้านผลประกอบการของ BH ในปีนี้ จะฟื้นตัวตามการเดินทางมาของผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเราให้คำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 185 บาท/หุ้น" นายกิจพณ กล่าว

ด้าน บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดปีนี้ BH จะมีกำไรที่เติบโตเด่นสุดในกลุ่ม หลังเริ่มมีการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสะดวกมากขึ้น เนื่องจากล่าสุดภาครัฐได้ประกาศยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Test&Go สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 พ.ค. 65 จึงคาดว่า BH จะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติสูงกว่าบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่ม คาดจะหนุนรายได้ปี 65-66 กลับมาเติบโตขึ้นเป็น 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY

และคงประมาณการกำไรปี 65-66 ไว้ตามเดิมที่ 2.7 พันล้านบาท (+122.5%YoY) และ 3.7 พันล้านบาท (+37.8%YoY) ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 75.1% ทั้งนี้ คาดกำไรจะโตแรงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการเดินทางเข้ามารักษาของกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ ประกอบกับฐานกำไรที่ต่ำในปีที่แล้ว จากผลกระทบวิกฤต COVID (ช่วงไตรมาส 3/64) นอกเหนือจากนี้ยังมี Upside ด้านรายได้ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากผู้ป่วยชาวซาอุดิอาระเบีย หลังจากฟื้นความสัมพันธ์ทางการฑูตที่หายไปในรอบ 30 ปี

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็น 43.2% และ 44.7% ในปี 65-66 ตามลำดับ จากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ (มาร์จิ้นสูง) ที่เพิ่มขึ้น, การให้ส่วนลดสำหรับค่าห้อง,ค่ายาและค่าตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ ในอัตราที่ต่ำลง และคาดบริษัทยังควบคุมต้นทุนแพทย์/พยาบาล ได้ดีต่อเนื่อง

ส่วนบล.เมย์แบงก์ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BH เป็นผู้รับประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ สะท้อนได้จากการเปิดประเทศในเดือนพ.ย.64 ที่ผ่านมา หนุนกำไรในไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 725 ล้านบาท (+9% QoQ และ +640%YoY) โดยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของผู้ป่วยต่างประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 55% ของรายได้ทั้งหมด เทียบกับ 50% ในไตรมาส 4/64 และยังคงเห็นการฟื้นตัวต่อไปในช่วงที่เหลือของปี พร้อมประเมินรายได้รวมจากผู้ป่วยต่างชาติอาจสูงถึง 60% ในปีนี้และฟื้นตัวสู่ระดับก่อนโควิดที่ 67% ในปี 66 และคาดว่ากำไรในปี 66 จะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดได้

ประกอบกับในปีนี้ BH จะมีโรงพยาบาลท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตร 10 แห่ง เพื่อดำเนินการศูนย์ความเป็นเลิศ (CoE) เพิ่มขึ้นจาก 5 แห่งเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการรักษาเฉพาะทาง เช่น หัวใจ และกระดูกสันหลัง ซึ่ง BH ให้การฝึกอบรมแก่แพทย์ที่โรงพยาบาลท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรกัน ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่น และ BH จะได้รับส่วนแบ่งกำไร ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งรายได้และการเติบโต ของกำไรในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ