สตาร์ มันนี่ ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 300 ล้านหุ้น-เข้า SET ใช้ขยายสินเชื่อ-สาขา

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 9, 2022 18:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สตาร์ มันนี่ ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 300 ล้านหุ้น-เข้า SET ใช้ขยายสินเชื่อ-สาขา

นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท วัตถุประสงค์หลักเพื่อระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ เข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

SM ประกอบธุรกิจใน 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจจำหน่ายสินค้า ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าเครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้แช่ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งในรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบขายเงินสดและขายผ่อนชำระ ซึ่งจะจัดทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยจำหน่ายสินค้าผ่าน "ร้านสตาร์มันนี่" เป็นหลัก

2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืมดังกล่าว ได้แก่ เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ เล่มทะเบียนรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง เล่มทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถตู้โดยสาร รถบรรทุก เป็นต้น รวมถึงโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยมีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมภูมิภาคตะวันออก

นอกจากนี้ยังให้บริการด้านอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อผ่อนชำระ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่ออุปโภคบริโภค ภายใต้แนวความคิดเพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) และภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เข้มแข็ง

ปัจจุบัน SM มีสาขาทั้งหมด 88 สาขา แบ่งเป็นสาขาหลัก 16 สาขา สาขาย่อย 66 สาขา Express 3 สาขา และสาขาสนับสนุนการทำธุรกิจ เช่น โกดังเก็บสินค้า ลานประมูล และศูนย์ทะเบียนอีก 3 สาขา โดยปัจจุบันสาขาครอบคลุมจังหวัดภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ชลบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว โดยพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพการขยายตัวสูงจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) จึงทำให้มีการย้ายถิ่นฐานรวมทั้งรายได้ต่อจำนวนประชากรสูง และเป็นพื้นที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้บริษัทมีสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด คือ อุดรธานี และนครราชสีมา

บริษัทมีแผนขยายกิจการในส่วนการให้บริการปล่อยสินเชื่อรวมถึงการให้บริการด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและการทำประกันวงเงินสินเชื่อให้ลูกค้า ไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศไทยเพิ่มเติมในอนาคต

นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แผนการเข้ามาระดมทุนของ SM จะสนับสนุนความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจการเงินให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโซนภาคตะวันออกซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ

ด้านผลประกอบการในช่วงปี 62-64 มีรายได้รวม 1,087.47 ล้านบาท 1,030.89 ล้านบาท และ 1,239.84 ล้านบาทตามลำดับ โดยรายได้จากการดำเนินงาน ได้แก่ รายได้จากการขายสินค้า รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ และรายได้ดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้อื่น (รายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัย รายได้ส่งเสริมการขาย เป็นต้น) สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 78.19 ล้านบาท 47.62 ล้านบาท และ 102.94 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.19%, 4.62% และ 8.30% ตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท ภายหลังหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินทุนสำรองอื่น

ปัจจุบันโครงสร้างการถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท ธนาธิวัตถ์ จำกัด ถือหุ้น 43% กลุ่มครอบครัวลาวัณย์เสถียร ถือหุ้น 40.72% บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ถือหุ้น 8% กลุ่มครอบครัวลีนุวงศ์พันธ์ ถือหุ้น 3.43% กลุ่มครอบครัววิวัฒน์วงศ์เกษม ถือหุ้น 3.27% และกลุ่มครอบครัวสุนทรเวชพงษ์ ถือหุ้น 1.58%

ภายหลังเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โครงสร้างการถือหุ้นจะเป็น ดังนี้ บริษัท ธนาธิวัตถ์ จำกัด ถือหุ้น 31.27% กลุ่มครอบครัวลาวัณย์เสถียร ถือหุ้น 29.61% บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ถือหุ้น 5.82% กลุ่มครอบครัวลีนุวงศ์พันธ์ ถือหุ้น 2.50% กลุ่มครอบครัววิวัฒน์วงศ์เกษม ถือหุ้น 2.38% และกลุ่มครอบครัวสุนทรเวชพงษ์ ถือหุ้น 1.15%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ