CEYE เจรจาพันธมิตรต่อยอดธุรกิจต้นน้ำ-ปลายน้ำ คาดชัดเจนปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 18, 2022 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ตาชำนิ (CEYE) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร เข้ามาต่อยอดธุรกิจไปยังต้นน้ำ และปลายน้ำของอุตสาหกรรม ตามโครงการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล เข้ามาเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้ CEYE

ขณะที่เป้าหมายผลการดำเนินงานปี 65 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้รวมอยู่ที่ 272.74 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 28.45 ล้านบาท มั่นใจจะเป็นไปตามนั้น

สำหรับผลประกอบการงวดประจำไตรมาสที่ 1/65 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 21.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 9.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 20.12%

โดยมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 108.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 55.80% เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐได้ผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบกับการปรับตัวของกลุ่มบริษัทในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดในการให้บริการและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) มากขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทสามารถกลับมาดำเนินการให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงอุปสงค์ของอุตสาหกรรมและความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสัญญาณดังกล่าวมีแนวโน้มมาตั้งแต่ในไตรมาสที่ 4/2564

ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สนับสนุนกำไรขั้นต้นในช่วงโค้งแรกของปีอยู่ที่ 36.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 130.57% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 34.14% และ 23.07% ตามลำดับ

โดยสัดส่วนรายได้จากการให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.05% รายได้จากการให้บริการภาพเคลื่อนไหว 25.81% รายได้จากการให้บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 10.21% รายได้จากการให้บริการให้เช่าสตูดิโอ 2.66% และรายได้จากการให้บริการอื่นๆ ในธุรกิจบริหารสื่อออนไลน์ และผลิตสื่อออนไลน์ รวม 10.95% รับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ทิศทางธุรกิจครีเอทีฟ และโปรดักชั่นโฆษณาในช่วงต่อจากนี้ มองว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง รับการประกาศมาตรการทางภาครัฐ ในการยกเลิก Test & Go ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ส่งผลถึงแนวโน้มที่งานต่างประเทศจะกลับมาเพิ่มขึ้น เป็นทิศทางเชิงบวกต่อธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/65 และจากการเปิดประเทศเต็มที่ จะทำให้งานด้านครีเอทีฟคอนเทนต์ และโปรดักชั่น กลับมาคึกคัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ