นักวิชาการสับโมเดลกสทช.ควบTRUE-DTAC สุดซอย ย้ำประกาศกสทช.คุมเพดานค่าบริการได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 8, 2022 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ อดีตประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นักวิชาการด้านโทรคมนาคม กล่าวถึงโมเดลเศรษฐศาสตร์ของนักวิชาการ ที่เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด หรือ Focus Group กรณีการรวมธุรกิจระหว่าง บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และบมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อโมเดลดังกล่าวจากนักวิชาการอย่างมาก ว่ามีหลายประเด็นที่ยังนำปัจจัยมาวิเคราะห์ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะประเด็นการไม่พิจารณาบทบาท กสทช. ในการควบคุมราคา และการตั้งสมมุติฐานว่าเอไอเอส จะฮั้วกับทรู ดีแทค เพราะไม่มี กสทช.กำกับดูแล

"แม้การวัดด้วยวิธีการเศรษฐศาสตร์ เป็นวิธีการที่ทั่วโลกยอมรับ แต่อัตรา HHI (อัตราส่วนการกระจุกตัว) สูงแค่ไหน จุดสำคัญอยู่ที่มาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเรามี กสทช. ที่ต้องทำหน้าที่กำกับดูแล และควบคุมราคา ทำไมไม่นำมาเป็นปัจจัยในการคำนวณโมเดลด้วย จึงอาจทำให้ผลการศึกษานี้คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงมาก และยังเป็นการชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด ว่าหากปล่อยให้ควบรวมกันแล้วคนไทยจะต้องเสียค่าบริหารที่แพง

ซึ่งปัญหานี้ เรามีประกาศกสทช. เรื่อง การกำหนดและกำกับดูแลอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (2 ธ.ค. 2563) มีการกำหนดอำนาจในการกำกับดูแลและควบคุมราคา ซึ่งมีเพดานราคาไว้ชัดเจน หากเกินกว่าราคาที่กำหนด คือ ผิดกฎหมาย ดังนั้นผลการศึกษาที่นำเสนอนี้ถือว่าคลาดเคลื่อนชนิดที่เรียกว่า 'โมเดลตกขอบ? และกสทช. ชุดใหม่ต้องรีบรีวิวกฎ ระเบียบ ที่ต้องใช้อ้างอิงในการปฏิบัติหน้าที่ มิเช่นนั้นจะทำให้หน่วยงานกำกับขาดความน่าเชื่อถือได้"

ทั้งนี้ ประกาศของ กสทช.ฉบับดังกล่าว ได้มีการกำหนดและกำกับดูแลอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ ในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลัก ได้ระบุเพดานการกำกับ ควบคุมราคาไว้ชัดเจน โดยแบ่งอัตราขั้นสูงของค่าบริการในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลัก ใช้บังคับกับบริการ ดังนี้ (1) บริการเสียง (2) บริการข้อความสั้น (3) บริการข้อความมัลติมีเดีย (4) บริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ โดยในข้อ 6 ได้กำหนดหน้าที่ กสทช. ว่า ให้ตรวจสอบอัตราค่าบริการในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งาน ของรายการส่งเสริมการขายหลักที่ผู้รับใบอนุญาตให้บริการอยู่ในตลาดเป็นประจำทุกเดือน โดยใช้วิธีการเปรียบเทียบ โดยอัตราค่าบริการในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลักในแต่ละประเภทบริการ ต้องเป็นไปตามอัตราขั้นสูงของค่าบริการที่กำหนดไว้ในภาคผนวกท้ายประกาศ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ภายหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด นักวิชาการจากสถาบันต่าง ๆ ที่เข้ารับฟัง ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นต่างจากผลการศึกษาของกสทช. โดยมองว่า การนำเสนอของกสทช. ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังขาดข้อมูลอีกหลายมิติที่แสดงให้เห็นว่า การควบรวมกิจการไม่ได้เป็นผลเสียเพียงด้านเดียว รวมถึงราคาไม่ใช่ปัจจัยหลัก เพราะกสทช. มีหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่แล้ว แต่การควบรวมจะทำให้เกิดการปรับตัวของธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

นอกจากนี้ การทำโฟกัสกรุ๊ปที่ถูกต้อง ต้องเป็นการเปิดให้แสดงความคิดเห็น ไม่ควรมีการนำโมเดลผลการศึกษามานำเสนอก่อนและใช้เวลามากถึงชั่วโมงครึ่ง ถือเป็นการชี้นำ โดยการศึกษาของ กสทช. ที่มีช่องโหว่มากมาย ทำให้นักวิชาการต่างออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า โมเดลที่นำมาเสนอมีหลายปัจจัยที่ กสทช. เลือกที่จะไม่นำมารวม และทำให้ชี้นำสังคมในทางสับสนได้ ซึ่งการทำโฟกัสกรุ๊ป ควรรับฟังความเห็นจากนักวิชาการที่มาร่วมประชุม และบันทึกไปเพื่อความเป็นกลาง ตรงกับหลักการทางวิชาการ เพื่อนำผลการโฟกัสกรุ๊ปไปใช้วิเคราะห์ได้ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ