HILITE: IVL ดีดขึ้น 5.08%ตอบรับผลงานสดใสหลังจีนคลายล็อกดาวน์ ดีมานด์เพิ่ม-ปรับราคาขาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 9, 2022 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาหุ้น IVL ดีดขึ้น 5.08% หรือ เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มาที่ 51.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 740.47 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.49 น. จากราคาเปิด 50.00 บาท ราคาสูงสุด 51.75 บาท ราคาต่ำสุด 49.50 บาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) มีการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปียังสดใสจากปัจจัยบวกๆที่เข้ามาทั้งการปรับราคาขาย การรวมงบ Oxiteno เข้ามา และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น คาดเป็นบวกต่อการดำเนินงานมากกว่า จึงแนะนำ"ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 60 บาท

แนวโน้มการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปียังดีจากไตรมาส 2/65 ได้ผลบวกจากปัจจัยฤดูกาลและการคลายล็อกดาวน์ของหลาย ๆ ประเทศโดยเฉพาะจีนหนุนให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น, การปรับราคาขายในยุโรปขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/65 ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และ การรวมงบ Oxiteno เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป

และแนวโน้ม margin ยังดีจากอุปทานที่ตึงตัว โดยกลุ่ม PET แม้คาดจะได้รับผลจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นแต่อุปสงค์ที่กลับมาเพิ่มขึ้นทำให้แนวโน้มส่วนต่างราคายังดี, กลุ่ม IODs แม้กลุ่ม MEG จะได้รับผลจากอุปสงค์ของโพลีเอสเตอร์ในจีนที่ลดลง และการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น

ขณะที่กลุ่ม MTBE คาดส่วนต่างราคาจะดีขึ้นเนื่องจากปีก่อนหน้าได้รับผลจากต้นทุนวัตถุดิบคือ Butane และเมทานอลที่เพิ่มขึ้นแต่ปีนี้ลดลง และยังได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากความได้เปรียบในการใช้ shale gas อีกทั้งจะรวมการดำเนินงานของ Oxiteno เข้ามา

และ กลุ่ม Fibers คาดการดำเนินงานฟื้นตัวจำกัด โดยกลุ่ม Mobility ยังได้รับผลจากปัญหาการขาดแคลนชิพ ส่วนกลุ่ม lifestyle แม้คำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นแต่ได้รับผลจากต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งพิ่มขึ้น ส่วน Hygiene คาดการดำเนินงานกลับสภาวะปกติ ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการขึ้นจากเดิม ปรับปริมาณขายเพิ่ม 10% และปรับ EBITDA/ton ขึ้น ปรับกำไรสุทธิเป็น 31,146 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% y.y

ราคาน้ำมันขึ้นเป็นบวกต่อการดำเนินงาน ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแม้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ PET และ Fibers โดยเฉพาะในส่วน PET และ PTA แต่บริษัทได้ปรับราคาขายขึ้นรองรับปัจจัยดังกล่าวแล้ว อีกทั้งค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งที่นำเข้าในยุโรป ขณะที่กลุ่ม Fibers คาดยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนกลุ่ม IODs คาดจะมีความได้เปรียบจากการใช้ shale gas จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่เปลี่ยนแปลงทุก ๆ 10 เหรียญต่อบาร์เรลจะส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นราว 63.65 ล้านเหรียญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ