GULF จ่อขายหุ้นกู้ดิจิทัล 2 รุ่นผ่าน"เป๋าตัง" พร้อมหุ้นกู้อีก 2 รุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 4, 2022 12:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย

  • หุ้นกู้ดิจิทัล 2 รุ่น อายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี จัดจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย โดยจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท
  • หุ้นกู้ 2 รุ่น อายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี เสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 9 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นกู้ฯ ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่ง GULF จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผลตอบแทนให้ทราบในภายหลัง

ทั้งนี้ หุ้นกู้ฯ ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ที่ระดับ "A-" และมีอันดับเครดิตองค์กร "A" แนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนสิงหาคม 2565

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า การออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯ ของ GULF ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้เดิมบางส่วน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท และรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้เพิ่มความหลากหลายในการเข้าถึงการลงทุนหุ้นกู้ โดยเสนอขายผ่านช่องทางดิจิทัลในแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" และการจองซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้อีก 9 แห่งด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 22,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 1/64 และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867 ล้านบาท หรือ 36% ส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 3,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จาก 1,632 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มี.ค.65 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) อยู่ที่ 1.77 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ