(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ จับตางบ Q2/65 กลุ่มแบงก์-เงินเฟ้อสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 11, 2022 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ตลาดยังมีแรงกดดันหลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่ประกาศเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังออกมาดี ทำให้เป็นแรงส่งต่อการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯได้ และเป็นแรงกดดันที่เข้ามาต่อการนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดตลาดช่วงเช้านี้บวกและลบสลับกัน ขณะที่ในสัปดาห์นี้ติดตามการประกาศตัวเลขผลประกอบการกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2/65 ที่จะเริ่มออกมา รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟิอสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้น

โดยให้แนวต้าน 1,565-1,570 จุด แนวรับ 1,540-1,545 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,338.15 จุด ลดลง 46.40 จุด หรือ
-0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,899.38 จุด ลดลง 3.24 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,635.31 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด หรือ +0.12%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,892.73 จุด พุ่งขึ้น 375.54 จุด หรือ +1.41% ,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,470.77 จุด ลดลง 255.01 จุด หรือ -1.17% และ ดัชนี SSE Composite
ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,341.10 จุด ลดลง 14.98 จุด หรือ -0.44%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ค.) ที่ระดับ 1,557.87 จุด ลดลง 4.50 จุด, -0.29%
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,470.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก .ค.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. (8 ก.ค.)พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 3.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ค.) อยู่ที่ 11.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.90 แนวโน้มพักฐาน รอปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 35.85-36.10
  • คนไทยอ่วม เตรียมจ่ายค่าไฟแพงอีก 5 บาทต่อหน่วย กกพ.ชี้ต้นทุนก๊าซแพง จับตา "นม" จ่อคิวขึ้นราคา หลัง "มิลค์บอร์ด" ไฟเขียวขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบ ขณะที่ชาวบ้านจี้ "จุรินทร์" ตรวจสอบราคาน้ำมันปาล์มขวดยังขายขวดละ 70 บาทเท่าเดิม ทั้งที่ชาวสวนขายผลปาล์มราคาถูกลง
  • จับตาสายสีส้ม จ่อล้มประมูลรอบ 2 หลังศาลปกครองกลางพิพากษา รฟม.ล้มประมูลรอบแรกไม่ชอบด้านกฎหมาย บีทีเอสยันได้รับความเป็นธรรม รฟม.ย้ำจุดยืนเดิม
  • เอกชนระงม ปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลังอื้อ ทั้งสงครามยื้อ เงินเฟ้อ พลังงานพุ่ง โควิดสายพันธุ์ใหม่ ฉุดธุรกิจ-เศรษฐกิจไทยเดินช้า สองตลาดใหญ่ "สหรัฐฯ-ยุโรป" ศก.ถดถอย ส่งออกส่งสัญญาณลดผลิต-ปรับขึ้นราคาอสังหาฯ ผวาดอกเบี้ยขาขึ้น ค้าปลีกชี้มรสุม 5 ลูกซัดกระหน่ำ จี้รัฐปลุกกำลังซื้อ ท่องเที่ยวยังลุ้น 12 ล้านคน ชงแผนสู้ศึก
  • รัฐเร่งปั๊มรายได้ท่องเที่ยว เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวหลัก เตรียมอัดยาแรงช่วยผู้ประกอบการฟื้นไข้ ททท.เผยครึ่งปีหลังปัจจัยลบเพียบ ที่นั่งสายการบินเข้าไทยกลับมาได้แค่ 30% หวั่นทุบตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งตลาดต่างประเทศ-ในประเทศไม่ถึงเป้า เตรียมอัดงบฯ กว่า 1,000 ล้าน อุ้มผู้ประกอบการทุกเซ็กเตอร์
*หุ้นเด่นวันนี้
  • TFG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ทั้งหมูและไก่คาดว่ายังสูงต่อเนื่องใน 2H22 เป็นอย่างน้อยและอาจลากยาวถึงปี 2566 จากผลของ ASF ที่ระบาด ทำให้ไก้ที่เป็นสินค้าทดแทนปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี Demand ในประเทศแข็งแกร่ง ขณะที่การส่งออกยังดีต่อเนื่อง ส่วนฝั่งต้นทุนแม้ปรับขึ้น แต่สามารถขึ้นราคาขายชดเชยได้ทั้งหมด เราคาดกำไรปี 2565 ที่ 2.85 พันลบ. +4x Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วนความเสี่ยงคือราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวลงเร็วกว่าคา
  • BANPU (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท ได้ประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูง (+163%YTD) ปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่ยุโรปและการเข้าสู่ฤดูหนาวเป็นปัจจัยหนุน Demand ถ่านหิน, โรงไฟฟ้า Conventional กลับมาผลิต
การลงทุนในแหล่งก๊าซที่สหรัฐช่วยยกระดับฐานรายได้ในธุรกิจ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 200 mmcfed (+28%) ส่วนการเก็งงบ ไตรมา 2/65 น่าจะทำได้ (ลุ้นโต YoY) จากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 3.14 หมื่น ลบ. และ 2.46 หมื่น ลบ. +155%YoY, -34.5%YoY ตามลำดับ
  • SABINA (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.25 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโต QoQ, YoY ปัจจัยหนุนจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 คลี่คลาย ประกอบกับการออกสินค้า Collection ใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ช่วยผลักดันยอดขายช่องทางค้าปลีก (Retail) รวมถึงช่องทางออนไลน์ (NSR-Non Store Retailing) ขณะที่รายได้จากช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) เติบโตตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรและยุโรป ทำให้มีออเดอร์ผลิตเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้ง เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่วางไว้ที่ 20% โดยรายได้ยอดขายจะกลับไปที่ระดับก่อน Pre-COVID-19 ปี 62 ที่ 3.3 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ