นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากเข้าสู่ช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ หรือเป็นฤดูของการทำการเกษตร ทำให้จะมีความต้องการให้เงินลงทุนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ก็มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีก โดยมีเป้าหมาย ณ สิ้นปีนี้ที่ 6,500 สาขา จากไตรมาส 2/65 มีสาขาอยู่ที่ 6,475 สาขาแล้ว
สำหรับแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ก็ยอมรับว่าไตรมาส 3/65 จะปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 2/65 ที่อยู่ระดับ 1.96% และจะปรับตัวขึ้นสูงสุดในไตรมาส 4/65 ก่อนปรับตัวลงในช่วงปลายปีนี้เป็นไปต้นไป เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง แต่คาดว่าในอนาคตจะมีปัจจัยบวกอย่างการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ราว 5-8%, เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น จากการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มประชากรและลูกค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีความสามารถในการจ่ายคืนเงินกู้ หรือหนี้ได้มากขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะปรับเกณฑ์การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ เพื่อควบคุม NPL ไม่ให้สูงขึ้นมากนัก รวมถึงปรับเกณฑ์การติดตามหนี้ โดยมั่นใจว่าจะสามารถติดตามหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง จากปกติ MTC จะติดตามหนี้ได้ถึง 30-40% ของ NPL ที่มีอยู่ ด้วยสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ
"เรามองว่าถึงจุดจุดหนึ่ง NPL จะลดลง ประมาณปลายปีนี้เป็นต้นไป และกำไรก็จะกลับมาดีขึ้น จากปัจจัยบวกที่รออยู่ในอนาคต โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการเปิดประเทศที่หนุนการจับจ่ายใช้จ่ายของประชากร ขณะที่บริษัทฯ ยังสามารถสร้างการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ระดับ 30-35%" นายปริทัศน์ กล่าว
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะหาแหล่งต้นทุนที่ถูก เพื่อไม่ให้ผลักภาระไปให้ลูกค้า รวมถึงเน้นบริการต้นทุนภายในองค์กร