ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ 8 พันลบ. LH ที่ A+ แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 25, 2022 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ที่ระดับ "A+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาทซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนภายใน 5 ปีของบริษัทที่ระดับ "A+" เช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ที่มีอยู่บางส่วน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ตลอดจนแหล่งรายได้ที่มีความหลากหลาย และภาระหนี้ที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากการที่บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์มูลค่าสูงและความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับภาระหนี้ภาคครัวเรือนภายในประเทศที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยและต้นทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย

ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ การเติบโตของตลาดบ้านจัดสรรตลอดจนการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจค้าปลีกได้ส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนมาอยู่ที่ 1.72 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการจำหน่ายโครงการบ้านจัดสรร โดยรายได้จากโครงการบ้านจัดสรรคิดเป็นสัดส่วน 80% ของรายได้รวมของบริษัท ในขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือมาจากโครงการคอนโดมิเนียมรวมถึงรายได้ค่าเช่าและบริการ

ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมียอดขายอสังหาริมทรัพย์รอโอนอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาทและคาดว่าจะส่งมอบโครงการภายใต้ยอดขายทั้งหมดได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาทและ 4.9 พันล้านบาทตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน บริษัทมีอัตรากำไรจาก EBITDA ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 35%-38% มาโดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีและคงระดับอัตรากำไรจาก EBITDA ให้อยู่ในระดับนี้ต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ทริสเรทติ้ง ประเมินว่าบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 53% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งทรงตัวจากปี 2564 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำรงอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้นั้น บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.5 เท่า โดย ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.97 เท่า

ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ได้ ในขณะที่บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 29% และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 15.2% ส่วนอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายนั้นอยู่ที่ระดับ 9.2 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565

ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนมิถุนายน 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 5 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกอีกจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท อีกทั้งเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทยังคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 1.68 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนจำนวนมากในบริษัทร่วมซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย ทั้งนี้ มูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ของเงินที่บริษัทลงทุนในหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 6.24 หมื่นล้านบาท และเงินปันผลที่บริษัทได้รับจากเงินลงทุนดังกล่าวอยู่ที่จำนวนประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี อนึ่ง ทริสเรทติ้งมองว่ามูลค่าของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับสภาวการณ์และความผันผวนของตลาด อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าเงินลงทุนดังกล่าวยังคงช่วยสนับสนุนความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ของบริษัทได้

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็ง รวมถึงจะรักษาระดับยอดขายที่อยู่อาศัยและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งจะรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ต่อไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทดำรงอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ที่ระดับไม่เกินกว่า 50% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ระดับต่ำกว่า 5 เท่าเอาไว้ให้ได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน โดยที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผลการดำเนินงานยังคงแข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทเสื่อมถอยลงจากระดับปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ