ANAN มองสัญญาณดีตุลาการผู้แถลงคดีเห็นควรยกฟ้อง "แอชตัน อโศก" รอลุ้นคำตัดสินก่อนสิ้นปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 20, 2022 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แหล่งข่าวจาก บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า วันนี้ศาลปกครองสูงสุดนัดพิจารณาครั้งแรกในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นฟ้องขอเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการแอชตัน อโศก และขอให้เพิกถอนใบอนุญาตที่ให้โครงการดังกล่าวใช้ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นทางเข้า-ออก สู่ถนนอโศกมนตรี ซึ่งยังไม่มีผลการพิจารณาออกมาในวันนี้ โดยจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดต่อไป

ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกหนังสือทุกฉบับในกรณีดังกล่าว

แหล่งข่าว กล่าวว่า วันนี้ตุลาการผู้แถลงคดีระบุความเห็นว่าศาลฯ ควรยกฟ้องบริษัท หลังจากรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่ รฟม. อนุญาตให้โครงการแอชตัน อโศก ใช้ที่ดินที่เวนคืนเป็นทางเข้าออกขยายถนน สอดรับกับกฎหมายควบคุมอาคาร และเป็นการดำเนินการโดยชอบ ซึ่งทนายความของบริษัทมองว่าถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่าคำให้การของบริษัทนั้นฟังขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่ารายละเอียดของส่วนของความกว้างและความยาวของทางเข้า-ออกที่ตั้งโครงการตั้งแต่ถนนอโศกไปจนถึงตัวโครงการเป็นไปตามกฎหมายกำหนด และได้มีการทำสัญญาการใช้ประโยชน์ที่ดินของ รฟม.อย่างถูกต้อง พร้อมย้ำว่ากระบวนการก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้

"ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัท ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และลูกบ้านของโครงการแอชตัน อโศก ทุกคน ยังเชื่อว่าเราทุกคนจะได้รับความยุติธรรม และคาดหวังว่ากระบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดน่าจะได้มีคำตัดสินออกมาภายในปีนี้"แหล่งข่าว กล่าว

ส่วนกรณีที่หากชนะคดีจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก รฟม.และ กทม.หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ ขอรอคำพิพากษาออกมาให้ชัดเจนก่อน

อนึ่ง โครงการ แอชตัน อโศก มูลค่า 6.41 พันล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนที่บริษัทและพันธมิตรญี่ปุ่น บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด ได้ร่วมกันพัฒนาในการถือหุ้นสัดส่วน 51 : 49 และได้ส่งมอบห้องชุดพักอาศัยให้ลูกบ้านไปแล้ว 87% มูลค่า 5.63 พันล้านบาท เหลือขายอีก 13%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ