KISSเผยบ.ย่อยร่วมเครือข่าย 5 ภาคีคิดค้นสเปรย์พ่นจมูกยับยั้งเชื่อโควิดเริ่มขาย 1 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 26, 2022 13:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล (KISS) กล่าวว่า บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ บจม. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ร่วมมือกับเครือข่าย 5 ภาคี จนสามารถต่อยอดงานวิจัยอันเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นโดยคณะแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ไทยไปสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพได้สำเร็จ ภายใต้แบรนด์ เวลล์ โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์ (VAILL COVITRAP Anti-Cov Nasal Spray) นำทีมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมนักวิจัยชาวไทย จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของคนไทย เพื่อคนไทยอย่างแท้จริง

"นี่คือความภาคภูมิใจของคนไทย นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพ เวลล์โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์ (VAILL COVITRAP Anti-Cov Nasal Spray) ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่พร้อมสู่สายตาโลก ที่มีคุณสมบัติในการดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 โดยทำงานทันทีและครอบคลุมต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง ด้วยหลักการทำงาน 2 กลไก ได้แก่ 1. ดักจับด้วย HPMC ที่ทำหน้าที่เคลือบบริเวณพื้นผิวโพรงจมูก ทำให้ความสามารถในการเกาะของเชื้อไวรัสที่บริเวณโพรงจมูกลดลง 2. ยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางกายภาพ ที่เข้ามาในบริเวณโพรงจมูก ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายใช้พ่นที่โพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง สอดหัวพ่นเข้าไปในโพรงจมูกในแนวตั้ง พ่นข้างละ 2 ครั้ง ใช้ได้ตามต้องการทุก 6 ชั่วโมง ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง" นางวรวรรณ กล่าว

โดย VAILL COVITRAP Anti-Cov Nasal Spray พร้อมจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Official Line @Covitrap หรือ Facebook โควิแทรป, ตลอดจน เภสัชกรประจำร้านยาองค์การเภสัชกรรม, สถานพยาบาล The Senizens, และ สถานพยาบาล Panacura ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"

บริษัทมีความพร้อมและความมุ่งมั่นที่จะนำส่งนวัตกรรมด้านสุขภาพให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศให้มากที่สุด โดยมั่นใจว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพนี้ จะช่วยยกระดับให้นวัตกรรมเพื่อสุขภาพของคนไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย และถือเป็นนวัตกรรมระดับโลก ได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้ได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคคนไทย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ เมื่อเดือนธ.ค. 62 มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แม้จะมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น แต่โควิด-19 ก็ยังคงเป็นโรคที่ติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จากสถานการณ์นี้ ทีมวิจัยของไทยจากภาครัฐ และเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาวัคซีน, ชุดตรวจเชื้อ, เครื่องช่วยหายใจ, รวมถึงการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก

โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบในรูปแบบของสเปรย์สำหรับพ่นจมูก ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งของประเทศไทยที่จะปรากฎสู่สายตาชาวโลก เพื่อร่วมมือร่วมใจกันให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้จนประสบผลสำเร็จและสามารถยื่นจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย โดยถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ไปสู่ภาคเอกชน เพื่อนำไปต่อยอดในการทำการวิจัย สร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมช่วยยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ในที่สุด

"ผมขอชื่นชมในความสำเร็จของนวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 นี้ ที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ 5 ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ที่ได้ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมไทยสู่ระดับโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของประชาชนที่จะช่วยในการยับยั้งการติดเชื้อโควิด-19

ในวันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น ถึงความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 จากภาครัฐและเอกชน หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ที่ได้มุ่งมั่นและร่วมกันพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ให้เป็นนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทย และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทย" นพ.นพพร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ