นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะแกว่งตัวลดลง หลังจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เดือน ก.ย. ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้รับรู้ปัจจัยดังกล่าวเนื่องจากอยู่ในช่วงของวันหยุดยาว
ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลดลงมาต่อเนื่องทะลุ 38.2 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี จะเป็นแรงกดดันให้เงินทุนต่างชาติไหลออกได้ พร้อมกันนี้ยังคงต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน และ ติดตามการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะมีการประชุมดีลควบรวม TRUE และ DTAC ในวันที่ 20 ต.ค.
พร้อมให้แนวรับที่ 1,555 จุด หากหลุดให้แนวรับถัดไปที่ 1,540 จุด และ 1,530 จุด แนวต้าน 1,570-1,572 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,634.83 จุด ลดลง 403.89 จุด หรือ -1.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,583.07 จุด ลดลง 86.84 จุด หรือ -2.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,321.39 จุด ลดลง 327.76 จุด หรือ -3.08%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,785.02 จุด ร่วงลง 305.74 จุด หรือ -1.13%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 16,479.74 จุด ลดลง 107.95 จุด หรือ -0.65% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,060.52 จุด ลดลง 11.47 จุด หรือ -0.37%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ต.ค.65.) ที่ระดับ 1,560.78 จุด ลดลง 1.90 จุด, -0.12%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 935.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(14 ต.ค.) ร่วงลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 85.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 7.6% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ต.ค.) อยู่ที่ 3.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 38.26 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 38.10-38.30
- นักเศรษฐศาสตร์เชื่อนโยบาย เศรษฐกิจ "สี จิ้นผิง" สมัยที่ 3 ยังเน้นสานต่อของเดิม ที่วางเอาไว้ พร้อมแนะจับตา "5 ปัจจัย" ที่มีผลต่อเศรษฐกิจจีน ห่วงปัญหาโควิดทำเศรษฐกิจชะลอต่อเนื่อง กระทบส่งออกไทยที่อาจหดตัว เตือนเฝ้าระวังหยวนอ่อนค่า ชี้จีนยังมีศักยภาพเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ แนะภาคท่องเที่ยวและส่งออกของไทยปรับตัว¶
- "จุรินทร์" แจง อย.ซาอุดีอาระเบียไฟเขียว 11 โรงงานไก่ไทยส่งออกไก่สด-แปรรูป-ปรุงสุกได้ทุกชิ้นส่วน ทุกด่านทั่วประเทศ พร้อมถกนำเข้าปุ๋ยจากจีน-คาซัคสถานเพิ่ม ป้องกันสินค้าขาดตลาด
- รฟท.กางแผนรถไฟทางคู่สายใหม่ "ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ" โชว์ทำสัญญาเวนคืนคืบหน้า 30% ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 66 ภาพรวมคืบหน้า 1% ลุยทะลวงปากอุโมงค์ที่ จ.พะเยา ปักหมุดเปิดให้บริการปี 71
*หุ้นเด่นวันนี้
- PR9 (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 21 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/65 +7% Q-Q, +62% Y-Y นำโดยผู้ป่วยชาวไทยที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับ COVID-19 รวมถึงผู้ป่วย Expat ต่างชาติที่เร่งตัว ล่าสุดรายได้จากต่างชาติสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 แล้ว โดยผู้ป่วย Fly-in จะเป็นปัจจัยหนุนปีหน้า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่อง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-2566 ขึ้นเป็น +117% Y-Y และ +5% Y-Y ตามลำดับ และเทรด 2023PER 24 เท่า ต่ำกว่า BDMS และ BH ที่ 34-40 เท่า
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 18.50 บาท มี Sentiment บวกซาอุฯ อนุญาติให้ไทยส่งออกไก่ไปซาอุฯ ได้ทุกชิ้นส่วนเริ่ม 11 ต.ค. 65 ด้านงบไตรมาส 3/65 คาดมีกำไรสุทธิ 570 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26%qoq เทียบกับไตรมาส 3/64 ขาดทุนสุทธิ 87 ล้านบาท
- BAFS (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 33.75 บาท BAFS เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแผนการเปิดประเทศและความหวังจากกิจกรรมทางด้านการบินที่ทยอยฟื้นตัว โดยในปี 65 ผู้บริหารคาดว่าปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานมีโอกาสทะลุเป้าหมายเดิมที่ 3 พันล้านลิตร หลังจากช่วง 7 เดือนแรกบริษัทมีปริมาณเติมน้ำมันแล้ว 1.21 พันล้านลิตร แนวโน้มไตรมาส 3/65 คาดขาดทุนลดลง และมีโอกาสพลิกเป็นกำไรเล็กน้อยในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย ส่วนธุรกิจธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ (NFPT) คาดว่าปีนี้จะมีปริมาณขนส่งน้ำมัน 506 ล้านลิตร เติบโต 53%YoY ตามความต้องการใช้น้ำมันเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง