นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธายา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า 3 เดือนแรกของปี 51 ปรากฎมีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิแล้ว ประมาณ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาทเป็นเพราะปัจจัยการเมืองที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญ และเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุม แต่กลับโยกเงินไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย "ใน 3 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติเข้ามาซื้อตราสารหนี้ สุทธิกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่า เป็นการซื้อขายที่เยอะ เทียบกับปีก่อนที่ขายสุทธิ(ในตลาดตราสารหนี้) 3.6 หมื่นล้านบาท" นายปกรณ์ กล่าว ทั้งนี้ หากปัญหาการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะทำให้บรรยากาศในการลงทุนตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้จะคึกคักขึ้น ถึงแม้ขณะนี้ปัจจัยการเมืองนักลงทุนต่างชาติยังติดตามอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ อย่างไรก็ดี ภายใต้พื้นฐานเศรษฐกิจไทย รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ ที่โบรกเกอร์มองว่าจะมีอัตราเติบโตที่ 20% สูงกว่าปีก่อน และราคาหุ้นไทยมีระดับราคาหุ้นในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน จะเป็นประเด็นที่ยังทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น จึงมองว่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในปีนี้จะมีทิศทางดีขึ้นกว่าปีก่อนที่มีการซื้อสุทธิ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ นายปกรณ์ เชื่อว่า กนง.คงจะนำเรื่องประเเด็นราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาพิจารณาประกอบว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่