นางเพ็ญศรี สืบสุวงษ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทมั่นใจภาพรวมผลงานปี 65 สามารถพลิกกลับมามีกำไรจากปี 64 ที่ขาดทุน 152.43 ล้านบาท แม้ว่าไตรมาส 3/65 จะยังมีผลขาดทุน 21.5 ล้านบาท แต่ 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไร 5.2 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น บริษัทยังคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปี 66 ทำรายได้ทะลุ 3,200 ล้านบาท และจะสามารถจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นได้ตามแผนภายในไตรมาส 1/66
ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 65 รายได้รวมเติบโตต่อเนื่องกว่า 33% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนมาแตะ 1,829 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขายทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยกลุ่มธุรกิจอาหารมียอดขายรวมเกือบ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากหมวดอาหารแปรรูปที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่องแตะ 559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจลูกชิ้นทิพย์เข้ามาเติมพอร์ตรวมกว่า 318 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโต 32% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 625 ล้านบาท ตามปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในกลุ่มลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ หลังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับความต้องการลูกค้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง เป็นต้น
นางเพ็ญศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากราคาต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ เม็ดพลาสติก และวัตถุดิบผลิตลูกชิ้นที่ขยับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งในช่วงไตรมาส 3/65 กลุ่มบริษัทได้รับผลกระทบจากการย้ายโรงงาน ซึ่งส่งผลต่อยอดขายของทั้ง บริษัท ฟรุตตี้ดราย จำกัด และบริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่โรงงานใหม่ต้องเข้ารับการตรวจสอบระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยการผลิตอาหารแบบสากลก่อนที่จะทำการผลิต ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนมี ผลขาดทุนอยู่ราว 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพโรงงานตามมาตรฐานเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และบริษัทได้พิจารณาปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มธุรกิจให้สะท้อนต้นทุนแท้จริง ควบคู่ไปกับบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพระดับสูง ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายปี 655 บริษัทเร่งเดินเกมรุกปิดจุดอ่อนร้านขายปลีกลูกชิ้นทิพย์ที่ไม่ทำกำไรทั้งหมด พร้อมปรับรูปแบบจากร้านสาขาเป็นแฟรนไชส์ ส่งผลให้ต้นทุนการขายลดลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเพิ่มความหลากหลายรองรับความต้องการของตลาด อาทิ ไลน์อาหารแช่เย็น (Chilled Food), ผลิตภัณฑ์หมวดซีฟู้ด รวมไปถึงน้ำจิ้ม, ซอสปรุงรส และไส้กรอกหลากหลายรสชาติ พร้อมเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนการเติบโต อนึ่ง GLOCON แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจอาหาร ประกอบด้วย อาหารแปรรูปแช่แข็ง, อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน, ลูกชิ้นทิพย์ และผลไม้อบแห้ง สัดส่วน 73%, 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทต่างๆ สัดส่วน 24% และ 3.ธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 3% ของรายได้รวม