AQ พุ่งชนเป้าพ้น C ปี 66 ผุดกัญชงกัญชาครบวงจรหนุนฟื้น-เล็ง M&A นอนแบงก์เสริมแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 23, 2022 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนน วังตาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอคิว เอสเตท (AQ) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทปรับโครงสร้างภายในใหม่ทั้งหมด และเดินหน้าลงทุนธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว บริษัทจะเดินหน้าแผนแก้ปัญหาที่ทำให้ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย C คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 66

"เราคาดว่าการแก้ปัญหาเครื่องหมาย C จะแล้วเสร็จในปี 66 หลังจากที่เราสามารถปรับโครงสร้างของบริษัทและมีผลประกอบการที่ดีได้ ซึ่งเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จึงได้มีการกระจายการลงทุนเข้าสู่ 5 กลุ่มธุรกิจ จะมีสัดส่วนรายได้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจไว้ที่ประมาณ 20% จากปัจจุบันที่ยังคงมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก"นายชนน กล่าว

ทิศทางผลประกอบการของบริษัทในปี 66 จะมีการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตของธุรกิจหลักเดิม คือ 1.) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2.) ธุรกิจโรงแรม 3.) ธุรกิจพลังงานทางเลือก และ 4.) ธุรกิจการเงิน (NonBank) แล้ว ยังมีธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม คือ 5.) ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร

นายชนน กล่าวว่า ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจรเริ่มขึ้นจากการที่บริษัท ธานนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทย่อยของ AQ เข้าซื้อ บริษัท อีโกรนิกซ์ จำกัด (Egronix) มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่ง Egronix มีแปลงปลูก ณ ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าชาง จังหวัดลำพูน มีโรงเรือนสำหรับการเพาะปลูก (Green House) จำนวน 50 อาคาร เป็นพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 8,000 ตารางเมตรและพื้นที่ปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) ประมาณ 3,300 ตารางเมตร รวมพื้นที่แปลงเพาะปลูกกว่า 12,000 ตารางเมตร

"ธุรกิจกัญชง ถือเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อีกมาก แม้ว่าจะมีการแข่งขันในตลาดสูง แต่เราได้คัดเลือกบริษัท Egronix ซึ่งเป็นฟาร์มผลิตขนาดใหญ่ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพเข้ามาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของเรา แน่นอนว่าเมื่อมาสายธุรกิจนี้แล้วเราก็เตรียมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอย่างแน่นอน" นายชนน กล่าว

ด้านนายวรวุฒิ กรรมการบริหารบริษัท เสริมว่า จากพื้นที่แปลงเพาะปลูกกว่า 12,000 ตารางเมตร จะสามารถสร้างผลผลิตในรอบการปลูกได้กว่า 7,500 กิโลกรัม ต่อรอบปลูกและสามารถปลูกได้ 3-4 รอบ ต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 โดยผลผลิตทั้งหมดได้มีสัญญาซื้อขายกับลูกค้าไว้ทั้งหมดแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์จากกัญชงและกัญชามาวางขายในตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทมีพันธมิตรรองรับการต่อยอดธุรกิจปลายน้ำแล้ว และอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ทั้งในส่วนของธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำด้วย

นายชนน ยังกล่าวถึงธุรกิจหลักของ AQ ว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก ปัจจุบันมี 2 โครงการหลัก คือ เอคิว อาร์เบอร์ สวนหลวง ร.9-พัฒนาการ (AQ Arbor Suanluang Rama 9-Pattanakarn) และ บ้าน เอคิว เชดิ ชลบุรี-บายพาส (AQ SHADI Chonburi-Bypass) ทั้ง 2 โครงการมีสินค้าพร้อมขายรวมกว่า 800 ล้านบาท และบริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโครงการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในธุรกิจนี้มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ราว 12-15%

กลุ่มธุรกิจโรงแรม ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และบริษัทเชื่อว่าในช่วง 3-5 ปีจากนี้จะเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน AQ มีโรงแรมในหัวเมืองท่องเที่ยว 4 แห่ง รวมจำนวนห้องพักกว่า 200 ห้อง ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมพัฒนาโครงการแซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับไฮเอนด์เพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีจากนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำของบริษัทให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือก ปัจจุบัน AQ ถือหุ้นในโครงการพลังงานลมร่วมกับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) และ ยังถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้ามินบูในประเทศเมียนมา ขณะที่บริษัทยังคงมองหาการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทยเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนในปี 66

ส่วนกลุ่มธุรกิจด้านการเงิน ผ่านการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) ซึ่งธุรกิจนี้มีอัตรากำไรสุทธิสูงถึงเกือบ 20% โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อของสถาบันทางการเงิน คาดว่าในปี 66 จะเห็นการเติบโตได้อย่างชัดเจน ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตเป็น 300 ล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนซื้อกิจการ Non Bank เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา 2 ราย

"หากว่าได้ดีลซื้อกิจการตามแผน จะทำให้การทำธุรกิจไฟแนนซ์ดีขึ้น และครบวงจรมากขึ้น หลังจากนั้นก็อาจจะมีการพิจารณานำเข้า ตลาด mai แต่ในเรื่องของระยะเวลา ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอติดตามผลประกอบการของบริษัทให้มีความเหมาะสมก่อน"นายชนน กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ