(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ ขาดปัจจัยใหม่หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 25, 2022 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์อยู่ในกรอบ โดยเน้นลงทุนกลุ่มที่ได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่ได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาอย่างต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่การรายงานการประชุมเดือนพ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เห็นสัญญาณการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน ซึ่งปิดประตูการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% หลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลของการชะลอตัวของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแล้วในช่วงที่ผ่านมา

พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,625-1,635 จุด

บล.ไอร่า ระบุว่า คาดตลาดวันนี้ Sideways มองตลาดขาด Sentiment ชี้นำจากตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า อีกทั้งคาดตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ หลังปรับตัวขึ้นรับรู้การเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เดือน พ.ย. มีการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว

แนวรับที่บริเวณ 1,620 จุด และ 1,613 จุด แนวต้านที่บริเวณ 1,630 จุด และ 1,635 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 พ.ย.) ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,398.77 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด หรือ +0.06% ก่อนพลิกสู่แดนลบในเวลา 15 นาทีต่อมา โดยปรับตัวลง 80.31 จุด หรือ 0.28% สู่ระดับ 28,302.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,673.20 จุด เพิ่มขึ้น 12.30 จุด หรือ +0.07% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,085.46 จุด ลดลง 3.85 จุด หรือ -0.12%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 พ.ย.65) 1,624.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 จุด +0.03%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,915.32 ลบ.เมื่อวันที่ 24 พ.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (24 พ.ย.) ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 พ.ย.) อยู่ที่ 11.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.80 อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ คาดแกว่งในกรอบ 35.70-36.00 บาท/ดอลลาร์
  • สรท.คาดส่งออกปี 66 โต 2-3% ขณะ สศช. ชี้โตแค่ 1% ปัจจัยเศรษฐกิจโลกถดถอย ซ้ำค่าเงิน ผันผวน-มาตรการรักษ์โลกก่ออุปสรรคการค้า พาณิชย์เฟ้น ตลาดดีมานด์โตเด่น ตะวันออกกลาง อินเดีย และจีน "กสิกร" ห่วงธนาคารกลางในโหมดดอกเบี้ยอัตราเร่ง
  • หุ้น MORE เริ่มรีบาวด์ปิดตลาดบวก 22% หลังตอนเช้าดิ่งฟลอร์ที่หก ด้าน "เฮียม้อ" ปัดข่าวไม่รู้ "อภิมุข" หนีออกนอกประเทศหรือไม่ แต่ยอมรับติดต่อไม่ได้ 2-3 วันแล้ว ราคาหุ้นที่ร่วงต่ำ ส่งผลบริษัทยังระดมทุนไม่ได้ ด้านสมาคมโบรกฯ ย้ำชัดฐานะสมาชิกทุกราย ยังแข็งแกร่ง เผย กลต. สั่งทำ Stress test พบทุกรายผ่านหมด
  • ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนถึงปี 66 จากนั้นจึงเริ่มคงดอกเบี้ย มีผลทำให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทพลิกฟื้นกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ รวมทั้งมาจากปัจจัยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีมากขึ้นในปี 66 คาดว่าจะมี 20 ล้านคน โดยทำให้ค่าเงินบาทปี 66 อยู่ที่ 33.50-34 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากสิ้นปีนี้คาดเงินบาทจะอยู่ที่ 35.5-36 บาทต่อดอลลาร์
  • "แบงก์ชาติ" ถก "คลัง" ทบทวนแผนดำเนินงานแบงก์รัฐ หลังพบการทำงานทับซ้อนกันมาก ขณะหลายแห่งฐานะย่ำแย่ส่อต้องเพิ่มทุน แนะยกเครื่องทั้งระบบ พร้อมเสนอควบกิจการเข้าด้วยกันหรือตั้งเป็นโฮลดิ้งเพื่อลดความทับซ้อน ขจัดจุดอ่อน ป้องกันปัญหาใต้พรม

หุ้นเด่นวันนี้

  • CENTEL (กรุงศรี) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 54 บาท เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ สัปดาห์หน้าประชุม ครม. คาดเห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ
  • PYLON (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 5.52 บาท หลังการประชุม PYLON เมื่อวานผู้บริหารเปิดเผยงานในมือสูงเป็นประวัติการณ์ที่1.59 พันล้านบาทใน งวดไตรมาส 4/65 สูงกว่าประมาณการของเรา ปรับประมาณการกำไรหลักปี 65-67 ขึ้น +12%/+30%/-7% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ขึ้น 21.05% เป็น 5.52 บาท โดยปรับเพิ่มคำแนะนำ utperform โดยราคาหุ้นที่พื้นตัวช้ากว่าโมเมนตั้มการฟื้นตัวของกำไร
  • MAJOR (คิงฟอร์ด) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย AA Consensus 22.40 บาท ประเมินภาพรวมของการดำเนินงานปกติในปีนี้ และปีหน้า ฟื้นตัวตัวได้ดี โดยตลาดคาด EPS ปี65 และ 66 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 0.46 และ 1.00 บ./หุ้น ตามลำดับ หลังจากที่หากไม่นับรวมกำไรพิเศษในปี 64 ผลประกอบการจะออกมาขาดทุนที่ EPS ราว -0.70 บ./หุ้น หลักๆ การฟื้นตัวเป็นไปตามการ reopening ในประเทศ โดยในไตรมาส 4/65 นี้ก็คาดว่าการดำเนินงานปกติ จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งYoY และ Q0Q ทั้งจากรายได้ค่าโฆษณา และแรงหนุนจากการขายอาหารเครื่องดื่มโดยเฉพาะในส่วนของตัวป็อปคอร์นซึ่งคาดว่าจะสูงขึ้นไปตามตามการเปิดเมือง รวมไปถึงในช่วงไตรมาส 4/65 มีภาพยนต์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเข้าฉาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ