TIESหวังจับมือพันธมิตรสหรัฐขยายรับงานตปท./คาด Q1ออกมาดีหลังปรับกลยุทธ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 9, 2008 15:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการ บมจ. ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (TIES) มองโอกาสขยายความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจสหรัฐในการรับงานก่อสร้างในต่างประเทศ หลังจากประเดิมงานแรกจับมือเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในประเทศบรูไนมูลค่า 2 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/51 
"นี่จะเป็นงานแรกที่เราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรจากอเมริการายนี้ เราพอใจ เขาพอใจ ก็อาจจะขยายความร่วมมือ จับมือกันไปประมูลงานในต่างประเทศมากขึ้น"นายอัศวิน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
สำหรับงานประมูลดังกล่าว TIES จะเข้าร่วมในฐานะผู้รับเหมาช่วง(Sub Contracter) ให้กับพันธมิตรจากสหรัฐที่จะเป็นผู้เข้าประมูลโดยตรง เนื่องจากมีประเด็นด้านความปลอดภัยด้วย ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มที่บริษัทเข้าร่วมมีโอกาสสูงที่จะได้รับงานดังกล่าว
"งานสถานทูตอเมริกาที่บรูไน เราไม่ได้ไปเอง ลักษณะเป็น Sub Contracter เพราะงานประเภทนี้ต้องเป็นบริษัทอเมริกาเข้าประมูลเอง เพราะมันมีเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าบริษัทที่เรามีความสัมพันธ์กันอยู่ได้งานนี้ โอกาสเราก็สูงอยู่"นายอัศวิน กล่าว
นายอัศวิน กล่าอวีกว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเห็นแนวโน้มตั้งแต่ไตรมาส 1/51 ที่น่าจะออกมาดีกกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความสามารถในการรับงานดีขึ้น ซึ่งบริษัทกันมาเน้นรับงานที่ให้มาร์จิ้นสูงมากขึ้น
"เราคาดว่าผลประกอบการโดยรวมของไตรมาสแรกปีนี้จะดีกว่าไตรมาสแรกของปีที่แล้ว เพราะความสามารถในการรับงานเราทำได้ดีขึ้น และหลายๆอย่างก็ดีขึ้น"นายอัศวิน กล่าว
บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยเมื่อต้นปี 51 บริษัทหันมาเน้นรับงานก่อสร้างของลูกค้าในธุรกิจปิโตรเคมีมากขึ้น โดยเฉพาะที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เนื่องจากคาดว่ามาร์จิ้นของลูกค้ากลุ่มโรงงานปิโตรเคมีจะอยู่ที่ประมาณ 10% สูงกว่ากลุ่มลูกค้าเดิมๆ คือ กลุ่มที่พักอาศัยที่มีมาร์จิ้นราว 6-7% เท่านั้น
"เราเพิ่งเข้าไปเริ่มงานที่มาบตาพุดเมื่อต้นปี และก็จะเป็นนโยบายที่เราจะเน้นมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นหลังทำงานผ่านไปแล้วประมาณครึ่งปี คือตอนนี้บรรยากาศแย่จริงๆ ที่เคยหวังว่ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วจะดี แล้วดูตอนนี้สิ"นายอัศวิน กล่าว
สาเหตุที่บริษัทเจาะรับงานจากกลุ่มปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นจุดแข็งของบริษัท ขณะที่การแข่งขันทางด้านการสร้างอาคารที่พักอาศัยตอนนี้รุนแรงมาก แต่ละโครงการก็ใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนาน และค่าวัสดุก่อสร้างก็สูงด้วย ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ จึงหันไปเน้นลูกค้ากลุ่มอื่น หรือหากเป็นงานอาคารสูงก็จะเน้นงานอาคารโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเรามีความเชี่ยวชาญพอสมควร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ