กลุ่ม JMART ร่วงยกแผง เมื่อเวลา 15.46 น.นำโดย SGC ปรับตัวลง 19.09% หรือลดลง 0.84 บาท มาที่ 3.56 บาท มูลค่าซื้อขาย 880.68 ล้านบาท
JMT ลบ 13.00% หรือลดลง 6.50 บาท มาที่ 43.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,504.40 ล้านบาท
SINGER ลบ 10.43% หรือลดลง 2.20 บาท มาที่ 18.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,197.46 ล้านบาท
JMART ลบ 7.14% หรือลดลง 2.25 บาท มาที่ 29.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 989.83 ล้านบาท
J ลบ 7.89% หรือลดลง 0.30 บาท มาที่ 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.97 ล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่ปรับตัวลงมาแรงในช่วงบ่ายวันนี้ น่าจะมาจากการที่นักลงทุนขายลดความเสี่ยง หลังบริษัทในกลุ่มของ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ผลงานปี 65 ออกมาไม่ค่อยดีนัก รวมถึงแนวโน้มปี 66 ที่ยังมีความท้าทายสูง ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายลง
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า JMART รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 517 ล้านบาท ลดลง 68% YoY และ 8% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษหลังหักภาษี กำไรหลักจะอยู่ที่ 244 ล้านบาท ลดลง 39% YoY และ 32% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดล่าสุด 36% เนื่องจากกำไรของ JMT และ SINGER ต่ำกว่าคาด และรายได้จากการขายเติบโตน้อยกว่าคาดการณ์ แม้แนวโน้มไตรมาส 1/66 กำไรหลักจะฟื้นตัว YoY, QoQ แต่เราก็ยังมองว่าระยะสั้นมีแรงกดดันจากการปรับลดประมาณการกำไรตลาด และการลดความคาดหวังต่อการเติบโตของนักลงทุน
ขณะที่นักวิเคราะห์รายหนึ่ง มองว่า JMART ยังมีความเสี่ยงเรื่องแนวโน้มตลาด IT ที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและ story การเติบโตที่ยังไม่เด่นชัดในปีนี้
ขณะที่ JMT ยังมีความกังวลด้านผลของการถือ JAM ลดลง 10% และ spin-off ในช่วงปลายปีนี้ส่งผลให้การรับรู้รายได้จาก JAM ในปีนี้ลดลงจากปัจจุบันที่ถือสัดส่วน 90% สู่ระดับ 70% และพอร์ท fully-amortized ที่ยังทรงตัว YoY แต่ภาพการซื้อหนี้ยังโดดเด่น
ส่วน SINGER ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตั้งสำรองที่สูงของ SGC ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลง และยอดขายที่เติบโตไม่แรงในปเท่าปี 65
อย่างไรก็ตามมองว่า JMT โดดเด่นมากที่สุดในกลุ่ม ตามโมเมนตัมผลประกอบการใน Q1/66 ที่คาดว่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับ JMART และ SINGER แต่ทั้งนี้ระยะสั้น แนะนำเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนมาเป็นการลงทุนแบบ DCA