นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 65 มีกำไรสุทธิ 103.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.20 ล้านบาท หรือ 53.99% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.06 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีกำไรขั้นต้น 342.81 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.72% ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีกำไรขั้นต้น 259.72 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.01% โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทมีรายได้จากการขาย และความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่รายได้จากการขาย 1,831.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 389.07 ล้านบาท หรือ 26.98% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขาย 1,442.28 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง ประมาณ 85.90% ของรายได้จากการขาย ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 337.05 ล้านบาท หรือ 26.66% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการขายในประเทศ 156.14 ล้านบาท หรือ 48.22% และเพิ่มขึ้นจากการขายต่างประเทศ 180.91 ล้านบาท หรือ 19.23% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากบริษัทสามารถส่งออกสินค้าตามคำสั่งซื้อได้มากขึ้น หลังจากการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิด-19 และจากสถานการณ์ขาดแคลนเรือและตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการส่งสินค้าระหว่างประเทศคลี่คลายลงจากปีก่อน ทำให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการสินค้าในช่วงที่สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้รายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นและผลักดันให้ผลงานปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง" นายศักดากล่าวในที่สุด