WealthMePlease: มั่งคั่งแบบ"วิกรม กรมดิษฐ์" เคล็ดลับเปลี่ยนชีวิต !!

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 9, 2023 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าบริหาร (รักษาการ) บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ก่อตั้ง AMATA เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ให้มุมมองการลงทุนกับ "อินโฟเควสท์" พร้อมแง่คิด และการเตรียมตัวก่อนเริ่มการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคต

*หลักการเริ่มสร้างความมั่งคั่ง

การเริ่มสร้างความมั่งคั่งต้องเคลียร์เป้าหมายของเราให้ชัดเจนว่าต้องทำอะไรที่จะนำพาไปสู่การสร้างความมั่งคั่งได้ โดยยึดหลัก

1. ความถนัด และความรักที่จะทำ แต่ต้องทำในสิ่งที่มีตลาดรองรับ เพราะจะทำใหี้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำได้

2. ทำในสิ่งที่มีความโปร่งใส ไม่สร้างปัญหา ไม่สร้างภาระต่อมนุษย์และสังคม

3. มีความมุ่งมั่น

*สุขภาพดี จุดเริ่มต้นสร้างความมั่งคั่ง

นายวิกรม กล่าวว่า ความมั่งมั่งต้องเริ่มมาจากสุขภาพดี เพราะคนที่ทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ทำงานแบบ Overload ไม่ดูแลสุขภาพส่งผลกระทบต่อร่างกาย ต้องเอาเงินที่ทำมาหากินได้มารักษาตัวเองแทนที่จะนำไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่ง ดังนั้น การสร้างความมั่งคั่งที่ดีต้องควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพให้ดี ทั้งสุขภาพทางร่างกาย และสุขภาพใจ ไม่เครียด โดยจะต้องบริหารความเครียดไปด้วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี

*พลังการศึกษาสร้างความมั่งคั่ง

การศึกษาที่มีคุณภาพทำให้คนมีศักยภาพและมีความสามารถ อย่างเช่น สิงคโปร์ ที่มีการพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคณภาพ ส่งผลให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีการศึกษาชั้นนำในเอเชีย ทำให้คนมีคุณภาพ และทำให้ประเทศสามารถผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งการศึกษาที่ดีต้องมากับการเรียนสาชาวิชาที่มีประโยชน์ และมีความยากมากขึ้น เพื่อเพิ่มความชำนาญความเชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ เพื่อให้ทักษาะความสามารถมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน รวมถึงในเวียดนาม

"ประเทศไทยยากจนอย่างนี้เพราะอะไร ในขณะที่ประเทศเราอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ทำไมเราจนกว่าสิงคโปร์มหาศาลอย่างนี้ เพราะเราไม่ได้สร้างคนของเราให้มีความรู้ มีการศึกษาดี เราต้องเน้นการศึกษาตรงนี้ ให้คนไทยเรามีความรู้ความสามารถ"

*Know How ต่อยอดความมั่งคั่ง

"วันนี้คนไทยมีเงินเยอะ แต่ไม่มี Know How" นายวิกรม กล่าว และย้ำว่า Know How เป็นเส้นทางที่จะต่อยอดเราไปได้ จะเห็นจากบริษัทที่เน้นขายสินค้าง่ายๆ แบบนี้ไปไม่ได้ไกล แต่บริษัทที่มี Know How เขาไปต่อได้อีกไกล

ยกตัวอย่าง บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีเดียวกับ AMATA ด้วยทุนจดทะเบียนเท่ากัน แต่วันนี้ DELTA ไปได้ไกลกว่าเพราะ Know How วันนี้ DELTA มีคน 500-600 คนเพื่อทำเรื่อง R&D อย่างเดียว ทำให้ DELTA โตได้มากกว่าคนอื่น และกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้า DELTA ทำแบบง่ายๆ ทั่วๆ ไปก็ไม่มี DELTA ในวันนี้

และอีกหนึ่งบริษัทในต่างประเทศ คือ Tesla ที่ในวันนี้มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าบริษัทรถยนต์ค่ายใหญ่ ๆ จนทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง และมี Market Cap ขนาดใหญ่มากในตลาดหุ้นสหรัฐ เพราะคนเชื่อในเทคโนโลยีที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีก็คงไม่มีใครสนใจ

*ส่งสารถึงคนรุ่นใหม่ "ต้องเก่งจริงอย่างถูกทาง"

จุดอ่อนคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าใจในข้อเท็จจริง อย่าไปทำในสิ่งที่คิดว่าฉันต้องเด่นต้องดัง แต่ไม่มีความรู้ คนรุ่นใหม่ถือว่าเป็นคนที่มีการเรียนรู้ได้เร็ว แต่ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่มีประโยชน์ มีเหตุผล เช่น วันนี้ Silicon Valley มีเรื่องอะไรที่คนรุ่นใหม่ของเราควรจะไปเลียนแบบ เพราะล้วนแต่เป็น Know How แต่อย่าไปเลียนแบบสิ่งที่ไม่มีคุณค่าหรือไม่มีประโยชน์ต่อความรู้ เศรษฐกิจ เอาแต่ทำตัวแบบฉันเด่นฉันดัง และนี่คือปัญหาของคนไทยเรา คือ เราไม่เก่งจริง

*แนวคิดการเลือกสินทรัพย์เสริมความมั่งคั่ง

การเลือกลงทุนสินทรัพย์ในสินทรัพย์เพื่อเสริมความมั่งคั่ง ต้องพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภพาของประเทศ โดยเฉพาะเสถียรภาพทางการเมือง หากเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยยังไม่มีความแน่นอนอย่างที่เป็น การลงทุน แม้กระทั่งการสะสมที่ดินก็ถือว่าเหนื่อย ต้องเปลี่ยนไปสะสมทองคำแทน เพราะสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ทุกที่ทั่วโลก มีคนรับซื้อ แต่ถ้าเป็นที่ดินหากประเทศไทยเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็เจอผลกระทบจากปัญหาด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การเลือกลงทุนสะสมสินทรัพย์อะไรก็ต้องดูเหตุผลให้เหมาะสม อย่างประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองมั่นคงแล้ว เช่น จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ การสะสมที่ดินไปเรื่อยๆ มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

ส่วนหุ้นนั้น ต้องพิจารณาถึงมูลค่าของประเทศไทยว่าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันมูลค่าประเทศไทยยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้นำมาใช้ ขณะที่มูลค่าของตลาดหุ้นมีความเกี่ยวข้องกับมูลค่าของประเทศด้วย จะมีแนวทางอย่างไรที่ผลักดันมูลค่าของประเทศให้เพิ่มขึ้น และจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันมูลค่าของหุ้นเติบโตตาม

"ถ้าประเทศของเรามีโอกาสที่จะทำอะไรเยอะแยะ สิ่งนั้น คือ อนาคตของตลาดหุ้น ประเทศไทยมีสิ่งที่ดีเยอะ เราตั้งอยู่ใน Location ที่ดี ขนาดประเทศก็ใหญ่ คนไทยก็เยอะ แล้วเรายังมีคนเมียนมา เขมร มาช่วยประเทศไทยได้ เราอยู่ในทำเลดี ใครๆ ก็อยากมา ต่างชาติก็อยากอยู่ไทย ใช้ตรงนั้นมาสร้างมูลค่าให้กับประเทศ เมื่อมูลค่าของประเทศไทยขึ้น มูลค่าของตลาดหุ้นก็ขึ้นตาม"

*สิ่งที่อยากเห็นหลังเลือกตั้ง

ความคาดหวังหลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.อยากเห็นนโยบายเศรษฐกิจหรือใครก็ได้ที่สามารถสร้าง GDP ไทยเติบโตได้ 6-8% ขึ้นไป ซึ่งจะตอบโจทย์สิ่งที่ต้องแก้ไขด้านเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยหายจน ขอทานจะหายไปภายใน 5 ปี อีกทั้งเรื่องของการใช้กฎหมายต้องมีความเข้มข้น เด็ดขาด และไม่เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้การค้ายา การโกง และการกระทำที่ไม่ปลอดภัยหมดไป

ในส่วนของนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ อยากเห็นการสนับสนุนธุรกิจที่สร้างเศรษฐกิจที่ดี ไม่มีมลพิษ ไม่มีมลภาวะ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเจริญมากขึ้นอีกมาก

*การส่งต่อธุรกิจ AMATA ให้มืออาชีพ

นายวิกรม กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อถึงวันที่เราพอมีเงินก็นึกถึงตอนสมัยที่ยังจน ไปขอความช่วยเหลือใครก็ไม่มี ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีความสามารถเรียนต่อ เมื่อถึงเวลาก็ต้องการแบ่งปัน สานต่อคนที่มีความสามารถให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา ให้เข้ามาช่วยทำงานให้กับประเทศ พัฒนาประเทศให้ดีขึ้น สร้างสิ่งที่ดีตอบแทนคืนกลับสู่ต่อสังคม

AMATA ก็ส่งผ่าน Know How ที่เราคอยช่วยแนะนำ เพราะผมต้องการเปิดให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาบริหาร เปลี่ยนผ่านไปสู่มืออาชีพ หากจะยึดตามผมหรือครอบครัวตลอดก็หมดสมัย จึงเปิดให้คนอื่นมาดูแลต่อ ไม่ใช่เอาทุกอย่างมาบีบลูกหลาน และลูกหลานเราก็ไม่กี่คน เปิดโอกาสให้คนอื่นที่มีความสามารถและความเชี่ยชาญมาดูแล AMATA ต่อ

https://youtu.be/GSX26Vc1R4E


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ