OSP ฝ่าโลว์ซีซั่น Q3/66 ดันกำไรพุ่งแรง 163% YoY มั่นใจทั้งปีโตเข้าเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 9, 2023 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

OSP ฝ่าโลว์ซีซั่น Q3/66 ดันกำไรพุ่งแรง 163% YoY มั่นใจทั้งปีโตเข้าเป้า

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โอสถสภา (OSP) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ในไตรมาสนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ โดยแบรนด์ ?เอ็ม-150? คงความเป็นผู้นำตลาด ตอกย้ำความสำเร็จจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านความหลากหลายของกลุ่มสินค้า ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ร่วมกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมแรงสนับสนุนจากแบรนด์ ?ลิโพ? ที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้

เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ โดยแบรนด์ ?ซี-วิท? สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีได้อย่างแข็งแกร่ง มีการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เสริมด้วยการเติบโตของเครื่องดื่มแบรนด์ ?เปปทีน? และ ?คาลพิส แลคโตะ' ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และทำการตลาดเป็นผลสำเร็จได้อย่างน่าประทับใจ สามารถทำยอดขายเติบโตเป็นเลขสองหลักได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งช่วยสนับสนุนพอร์ตโฟลิโอกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของวิตามินซีของโอสถสภาให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ร่วมกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ?เบบี้มายด์? เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์สบู่อาบน้ำเด็ก ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายแบรนด์ ?ทเวลฟ์ พลัส? ขึ้นแท่นมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 และยอดขายเติบโตอย่างน่าพอใจในอัตราเลขสองหลัก ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ทำได้ 642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 163% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตได้ดีและการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดที่สอดคล้องกับทิศทางของตลาด ประกอบกับราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 35.4% ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มีเงินปันผลรับจากเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาทและรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจโดยรวมเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์ทางการตลาด และความหลากหลายของแบรนด์พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลัง กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล-ดริงก์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง สอดรับกับโอกาสทางการตลาดจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าบริหารจัดการด้านการผลิตและต้นทุน เพื่อบรรลุอัตราการทำกำไรให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ