SET ปิดวันนี้ที่ 1,415.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.42 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ยืนบวกได้ วอลุ่มซื้อขายกลับมาแน่น รับเม็ดเงินกองทุนลดภาษีไหลเข้าเก็บช่วงโค้งสุดท่ายของปี ส่วนปี 67 มองเป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เดือนแรกลุ้น January Effect ภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นจากส่งออกและการบริโภค เปิดมาเดือน ม.ค.67 ให้แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,380 จุด
SET ปิดวันนี้ที่ 1,415.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.42 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งในแดนบวกตลอดทั้งวัน ทำจุดต่ำสุด 1,410.87 จุด และจุดสูงสุด 1,418.98 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 350 หลักทรัพย์ ลดลง 128 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 178 หลักทรัพย์
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของปีดีดขึ้นมาปิดบวกได้ มูลค่าการซื้อขายกลับมาหนาแน่นกว่าช่วงต้นสัปดาห์ เก็งรับเม็ดเงินกองทุนลดภาษี รวมถึง TESG ไหลเข้ามาในโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นกลุ่ม ESG มีผลต่อดัชนี 0.4%
อย่างไรก็ตาม ยังปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.) คือ สหรัฐเปิดเผยยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน ส่วนวันที่ 31 ธ.ค.จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและนอกภาคการผลิต ในเดือนธ.ค.66
นายชาญชัย กล่าววา ทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เมย์แบงก์ให้เป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เชื่อกลับมาฟื้นตัวได้ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้รับมีแรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาดี การบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 67 คาดโต 14% นอกจากนี้ มองดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทั้งสหรัฐและไทย ทำให้ภาวะ Derating P/E กดดันลดลง
ในเดือนมกราคม คาด SET จะฟื้นตัวได้ หรือ January Effect โดยในเดือนม.ค.67 ให้แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,380 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,508.20 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,624.91 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,321.60 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,028.01 ล้านบาท ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 3.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,996.90 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 0.50 บาท