(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์รับ Sentiment ตปท.บวกหลัง GDP สหรัฐดีกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 26, 2024 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นมาได้ จาก Sentiment บวกของปัจจัยภายนอก หลังจากเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ ประกาศ GDP ไตรมาส 4/66 ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งเช้านี้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเปิดมาส่วนใหญ่ดีดขึ้นแม้จะเปิดมาลบ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยดันดัชนีได้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ ติดตามการประกาศตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. และทั้งปี 66 ของไทย ซึ่งหากออกมาบวกต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังต้องรอติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งจะมีผลการพิจารณาดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

โดยให้แนวต้าน 1,390 จุด แนวรับ 1,365 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 3738,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 242.74 จุด หรือ +0.64%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,894.16 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด หรือ +0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,510.50 จุด เพิ่มขึ้น 28.58 จุด หรือ +0.18%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,158.72 จุด ลดลง 53.24 จุด หรือ -0.33% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,897.91 จุด ลดลง 8.20 จุด หรือ -0.28% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 36,003.00 จุด ลดลง 233.47 จุด หรือ -0.64%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ม.ค.) ที่ 1,376.09 จุด ลดลง 5.10 จุด (-0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 41,095.38 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,036.73 ล้านบาท (25 ม.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(25 ม.ค.)เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.02% ปิดที่ 77.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ม.ค.) อยู่ที่ 7.97 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.77 คาดวันนี้แกว่งแคบ มองกรอบ 35.65 - 35.90
  • "เศรษฐา" เจรจาเยอรมนี หนุนไทยเจรจา EU ขอยกเว้นวีซ่า "เชงเกน" เร่งสรุป ข้อตกลงการค้าเสรี นำคณะนักธุรกิจเยือนไทย หาลู่ทางลงทุนพลังงานสะอาด EV แลนด์บริดจ์ และการยกระดับโลจิสติกส์ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เปิดประเด็นความร่วมมือเศรษฐกิจไทย-เยอรมัน 6 ประเด็น ดึงลงทุน "อีวี-พลังงานสะอาด" นายกฯ เตรียมเยือนเยอรมนี มี.ค.นี้
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต ประเมินหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทย ณ สิ้นปี 67 จะอยู่ที่ 91.4% หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท จากไตรมาส 3/66 ที่ 16.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) คิดเป็น 90.9% ต่อจีดีพี ทิศทางชะลอตัวลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ สวนทางกับตัวเลขหนี้ที่มาจากกลุ่มบริษัทบัตรเครดิต ลิสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคลที่เติบโตในอัตราเร่งสูงสุดในรอบทศวรรษ
  • ปี 67 กรมธนารักษ์เตรียมปรับราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ รวม 11 ล้านแปลงทั่วประเทศ จากทั้งหมด 33.4 ล้านแปลง เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการประกาศปรับราคารอบใหม่ตั้งแต่ปี 62 เพราะสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งกรมต้องมาตรวจสอบดูว่าราคาซื้อขายจริงปัจจุบัน มีแตกต่างกันมากหรือไม่
  • "หวังอี้" รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เข้าพบ "นายกฯ เศรษฐา" วันนี้ ร่วมลงนาม "วีซ่าฟรีไทย-จีนแบบถาวร" เริ่มมีผล 1 มี.ค.นี้ ล่าสุดตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเดือน ม.ค. แซงมาเลเซียขึ้นอันดับหนึ่งกว่า 3 แสนคน ด้าน "กีรติ" มั่นใจจีนมาไทยปีนี้ 8 ล้านคน พร้อมจัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยวและสายการบินเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • NER (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.10 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ 426 ล้านบาท (+16%y-y, +36%q-q) แรงหนุนจากปริมาณขายที่คาดเพิ่มขึ้น +7.2%q-q ผสานกับราคาขายที่คาดเพิ่มขึ้นเช่นกันราว +2.9%q-q อัตรากำไรขั้นต้นขึ้นสู่ 11.5% จาก 10.9% ในช่วงไตรมาส 3/66 คาดปันผล 2H23 ที่ 0.28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราปันผลสูงถึง 5.5%
  • SPRC (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 10.40 บาท ตลาดมองข้ามผลขาดทุนในไตรมาส 4/66 ไปแล้วและวันนี้ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะ Gasoline crack spread เร่งตัวขึ้นทะลุ 20$/bbl จาก 13/bbl ในช่วงต้นปี โดย SPRC จะได้ประโยชน์มากสุดเพราะกลั่นน้ำมันเบนซินมากที่สุดของกลุ่ม
  • BEM (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.7 บาท ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ใกล้เคียงกรอบที่คาดราว 620-700 ล้านบาท ขยายตัวดี YoY จากกำไรไตรมาส 4/65 ที่ 603 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของผู้ใช้บริการ แต่จะลดลง QoQ จากไตรมาส 3/66 รายได้รถไฟฟ้า+ทางด่วนดีตามภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อีกทั้งในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีส้มบางขุนนนท์-มีนบุรี จะขยับฐานรายได้ให้กับ BEM ผู้ใช้บริการ ธ.ค.66 โต YoY ต่อเนื่อง แต่ชะลอ MoM ตามคาดจากวันหยุดยาว ผู้โดยสารรถไฟฟ้า ธ.ค. 4 แสนเที่ยว/วัน (+15% YoY, -7% MoM) โดยตัวเลขเฉลี่ยปี 66 อยู่ที่ 3.9 แสนเที่ยว/วัน (+44% YoY)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ