EPG งวด Q3 ปี 66/67 กำไรโต 43.3% รับรู้ส่วนแบ่ง JV ก้าวกระโดด แม้ขาดทุน FX กดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 13, 2024 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า งบการเงินไตรมาส 3 ปีบัญชี 66/67 (ต.ค.-ธ.ค.66) บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3,006 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 12.2% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 33.2% และกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 43.3%

3 ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 1) การเติบโตของยอดขายในธุรกิจหลักมีความสม่ำเสมอ 2) ราคาปิโตรเคมีปรับตัวลง และ 3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Joint venture แบบก้าวกระโดด

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 3 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความผันผวน เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจากการซื้อกิจการร้านค้าปลีก TJM และการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ผลประกอบการแบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 2.0% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยยอดขายในสหรัฐยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าเกรดพรีเมี่ยมและสินค้ารุ่นใหม่สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ ระบบ Air Ducting system ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และยอดขายในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนภาคเอกชน แต่ยอดขายในอาเซียนปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับคำสั่งซื้อจากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยอดส่งออกหลังคาครอบกระบะ (Canopy) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับออเดอร์สินค้าใหม่จะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสถัด ๆ ไป ขณะที่ธุรกิจในออสเตรเลียยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากภาวะตลาดดีขึ้น และรับรู้รายได้จาก Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. ออสเตรเลียซื้อกิจการร้านค้าปลีก TJM ต่อจาก Franchisee รวม 5 แห่ง เมื่อ 1 พ.ย. 66

ในไตรมาสนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม Aeroklas มุ่งเน้นผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน และส่งเสริมกิจกรรมการขายสำหรับธุรกิจในออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12.8% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากการพัฒนากระบวนการผลิตให้ดีขึ้น และการปรับกลยุทธ์การขาย โดยเจาะตลาดกลุ่มบรรจุภัณฑ์ประเภทถ้วยน้ำดื่มราคาประหยัดให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ชดเชยยอดสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารชะลอตัวลง อีกทั้ง ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมงานและเฉลิมฉลองต่าง ๆ ในช่วงปลายปี

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้า เพิ่มขึ้น 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายแหล่งเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มในส่วนของค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจากการซื้อกิจการร้านค้าปลีก จำนวน 5 แห่ง และ ค่าที่ปรึกษาในการยกระดับ Cyber Security อีกทั้ง บริษัทตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ 45.5 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากกิจการร่วมค้าในแอฟริกาใต้ซึ่งมีความล่าช้าในการขยายโครงการใหม่

บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 67.7 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุน 114.0 ล้านบาท โดยในปีนี้เป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง 5.1 ล้านบาท และ เป็นขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 62.6 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 101.2 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 41.2 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 60 ล้านบาท มาจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจยานยนต์และธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ทั้งในและต่างประเทศ

นายเฉลียว กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปีบัญชี 66/67 (เม.ย.-ธ.ค.66) บริษัทมีรายได้จากการขาย 9,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.5% และมีกำไรสุทธิ 1,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ