HILITE: PANEL ปิดเทรดวันแรก 3.50 บาท ต่ำจอง 4.89%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 22, 2024 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PANEL ปิดเทรดวันแรกที่ 3.50 บาท ลดลง 0.18 บาท (-4.89%) จากราคา IPO 3.68 บาท มูลค่าซื้อขาย 978.25 ล้านบาท จากราคาเปิด 4.30 บาท ราคาสูงสุด 4.36 บาท ราคาต่ำสุด 3.50 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) สินค้าของบริษัทลักษณะพิเศษและคู่แข่งน้อย ผลิตภัณฑ์สำหรับสถาปัตยกรรม เช่น ผนังบานเลื่อนกันเสียง ผนังกระจกกันเสียง และผลิตภัณฑ์สำหรับสถานพยาบาล เช่น ประตูบานเลื่อน ประตูห้องผ่าตัด และระบบประตูอัตโนมัติ เป็นสินค้าลักษณะพิเศษ และเป็นที่ต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของประตูอัตโนมัติแบรนด์ MANUSA รวมทั้งมีโรงงานผลิตประตูห้องผ่าตัดและผนังกันเสียงภายใต้แบรนด์ของตนเอง "PENELES" เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าที่มีงบประมาณน้อยกว่า แต่ยังต้องการสินค้าที่คุณภาพและมาตรฐานระดับเดียวกัน ซึ่งบริษัทถือว่าเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ประตูห้องผ่าตัด และมีคู่แข่งในอุตสาหกรรมน้อยราย โดยกลุ่มลูกค้าทั้งหมดของบริษัทอยู่ในธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรมเป็นหลัก

มองโรงงานใหม่หนุนรายได้โตก้าวกระโดด คาดรายได้ปี 2566 ขยายตัว YoY และรายได้เริ่มเติบโตเด่นในช่วง 2H24 จากออเดอร์ที่ไหลเข้าเพิ่มขึ้นหลังโรงงานแห่งใหม่เริ่มดำเนินการและคาดว่างบประมาณที่ล่าช้าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ภายในกลางปีนี้ ส่งผลดีต่อการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าของบริษัท และปี 2568 จะรับรู้รายได้จากการขยายกำลังการผลิตเต็มปี โดยปัจจุบันอุปทานการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับการลงทุนเพิ่มในสถานพยาบาลอยู่ในช่วงขยายตัวทั้งภาครัฐและเอกชน จากการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ของรัฐบาล ทำให้เรามองว่าอุปสงค์จะยังคงเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง

คาดกำไรสุทธิปี 2566 เติบโต YoY จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวมาอยู่ที่ 39.64% ใน 9M23 จาก 9M22 ที่ 33.42% แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดปี 2567 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ แต่รายได้ที่เติบโตมากกว่าจะเข้ามาชดเชย ทำให้กำไรสุทธิยังขยายตัวได้ และเติบโตเต็มที่ในปี 2568 หลังการขยายกำลังการผลิตเสร็จสิ้นในปี 2567

การเข้าระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตที่สอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นในครั้งนี้มีความเหมาะสม และมีปัจจัยที่น่าสนใจสำหรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต ได้แก่ 1) การขยายฐานลูกค้าไปยังโรงพยาบาลต่างจังหวัดร่วมกับพาร์ทเนอร์ผ่านการทำ Package ในราคาที่เข้าถึงได้ 2)การขยายตลาดไปยังต่างประเทศร่วมกับพาร์ทเนอร์

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ 1) การพึ่งพิง Supplier รายใหญ่ 2) การล่าช้าของโครงการ จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้น ด้วยวิธี PER เฉลี่ยของดัชนีอุตสาหกรรม PROPCON ใน mai ที่ 22.60 เท่า พบว่า มูลค่า ณ ราคา IPO มีพรีเมี่ยมแล้ว


แท็ก บล.ทิสโก้  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ