TNL กวาดเงิน 670 ลบ.ปลดภาระขายธุรกิจสิ่งทอให้ ICC เบนเข็มโฟกัสธุรกิจการเงินดันกำไรโตยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 27, 2024 11:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

TNL กวาดเงิน 670 ลบ.ปลดภาระขายธุรกิจสิ่งทอให้ ICC เบนเข็มโฟกัสธุรกิจการเงินดันกำไรโตยาว

นายกิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนูลักษณ์ (TNL) เปิดเผยว่า บริษัทจำหน่ายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ทีเอ็นแอลเอ็กซ์ จำกัด (TNLX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TNL ถือหุ้น 100% ให้กับผู้ซื้อ 4 ราย โดยมี บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) ซึ่งเป็นคู่ค้าเดิม จะกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 70% ขณะที่ผู้ซื้ออีก 3 รายเป็นบริษัทภายในเครือสหพัฒน์ ประกอบด้วย บริษัท ไอ.ดี.เอฟ. จำกัด บริษัท บีเอสซี โซอิน จำกัด และ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) ซึ่งจะเป็นพันธมิตรที่ช่วยส่งเสริมการสร้างเครือข่ายพันธมิตรให้กับ TNLX ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 และคาดว่ากระบวนการซื้อขายทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.67

ปัจจุบัน TNLX ประกอบธุรกิจธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีประสบการณ์ยาวนานเกือบ 50 ปี โดยเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนังสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กภายใต้เครื่องหมายการค้าสากลที่ TNLX ได้รับลิขสิทธิ์ อาทิ ARROW , Guy Laroche, DAKS, ELLE, Absorba เป็นต้น รวมถึงเครื่องหมายการค้าของ TNLX เอง อาทิ Era-won เป็นต้น เพื่อจำหน่ายในประเทศ รวมถึงเป็นผู้ผลิตสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนังเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าต่างประเทศ โดยที่ลูกค้าในประเทศรายสำคัญของ TNLX คือ ICC

นายกิตติชัย กล่าวว่า การจำหน่ายหุ้นทั้งหมดใน TNLX ของบริษัทในครั้งนี้ให้กับ ICC ซึ่งเป็นคู่ค้าธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มที่สำคัญมายาวนาน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับทั้ง 2 ฝ่าย

บริษัทจะได้รับเงินสดจากธุรกรรมในครั้งนี้จำนวน 670 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินดังกล่าวมาลงทุนในธุรกิจการเงิน Asset Financing และ Secured AMC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ Secured AMC คาดว่าจะมี supply จากธนาคารพาณิชย์ที่จะปล่อย NPLs มาขายในตลาดไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท เป็นโอกาสที่สำคัญในการเข้าซื้อ NPLs ที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความเติบโต มากกว่านั้น ประโยชน์อย่างชัดเจนที่ทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความชัดเจนมากขึ้นทั้งแง่ของการจัดสรรทรัพยากรและการบริหารจัดการ โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจการเงินและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่จะส่งเสริมกัน

ทั้งนั้ TNL ได้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร และเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ โดยการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น New Engines มาเสริมทัพธุรกิจเดิมทำให้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทเติบโตจากการเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว เป็นการประกอบธุรกิจใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นธุรกิจเดิม และเสริมทัพด้วยธุรกิจใหม่ คือ 2. ธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีหลักประกัน (Asset Financing) 3. ธุรกิจการเงินประเภทธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) และ 4. ธุรกิจการลงทุนในบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (Real Estate for Sale)

ตลอดปี 66 TNL ได้เดินหน้าสร้างการเติบโตผ่านธุรกิจใหม่โดยเฉพาะธุรกิจด้านการเงิน ทั้งธุรกิจ Asset Financing และธุรกิจ AMC อย่างเต็มที่ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี แม้จะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในธุรกิจแต่สามารถสร้างการเติบโตที่ดี โดยบริษัทมีกำไรจากธุรกิจการเงินกว่า 320 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 55% ของกำไรทั้งหมด รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งในด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

"การเพิ่ม 3 Engines ใหม่ นอกจากสร้าง Synergy ภายในกลุ่มบริษัทแล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยง จากการที่บริษัทมีธุรกิจ Asset Financing ซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันหลัก และมีธุรกิจ AMC ที่เน้นสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน รวมถึงการมี engine ของธุรกิจ Real Estate for Sale ทำให้เรามีเครือข่ายและความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี จะเป็นหนึ่งในจุดแข็งและเป็น Synergy ที่สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาวได้" นายกิตติชัย กล่าว

การจำหน่ายหุ้น TNLX จะไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลดลงของกำไรสุทธิ เนื่องจาก TNLX มีสัดส่วนกำไรสุทธิประมาณ 8% ของกำไรสุทธิในปี 66 และบริษัทยังสามารถนำเงินจากการขายหุ้นไปขยายการลงทุนได้ (Reinvestment) ส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ตามงบการเงินของบริษัทเปลี่ยนแปลง จากเดิมรายได้จากการขายมาจาก TNLX เป็นหลัก 56% ของรายได้รวมปี 66 จะเปลี่ยนมาเป็นรายได้จากธุรกิจด้านการเงิน ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับของธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันและธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และรายได้จากค่าที่ปรึกษาและการกำกับดูแลโครงการ ซึ่งมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแทน ในระยะยาวจะผลักดันรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทิศทางจากนี้ บริษัทในรูปโฉมใหม่ภายหลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการบริหาร จะมุ่งเน้นการสร้าง ecosystem ของธุรกิจการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับ Asset financing และ Secured AMC อย่างครบวงจร โดยในปี 67 จะมุ่งการขยายพอร์ตสินเชื่อในธุรกิจ Asset financing และพอร์ต Secured NPLs อย่างต่อเนื่อง นอกจากให้ความสำคัญกับการผลักดันธุรกิจให้เติบโตแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของบริษัทโดยยึดหลักการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ บริหารจัดการธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมั่นใจว่าการเติบโตนี้จะเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ