CryptoInsight: มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ ต้องมีกี่ BTC ถึงจะเรียกพี่ว่า "ที่รัก"??

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 8, 2024 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาบิทคอยน์พุ่งทะยานจนฉุดไม่อยู่ Break All Time High เดิมที่เคยทำไว้เมื่อ 10 พ.ย. 2564 ที่ราคา 2,100,000 บาท เป็นที่เรียบร้อย นักลงทุนไทยหลุดดอยกันทั่วหน้า ทำเอานักวิเคราะห์หลายคนต้องกลืนน้ำลายตัวเอง แต่ก็มีคนกลุ่มใหม่ที่เริ่มตั้งคำถามสำคัญอีกครั้ง "ซื้อตอนนี้ทันไหม?" "ราคาตอนนี้เข้าได้ไหม?"

วันนี้ Crypto INSIGHT จะพาทุกคนไปเจาะลึกรากของ "บิทคอยน์" ที่เป็นมากกว่า "สินทรัพย์" ทั่วไป ร่วมหาคำตอบกับ Bitcoiner ชื่อดัง นายสิรภพ นิลบดี (อ. ขิง) และ "บก. จิงโจ้, Bitcoiner, Right Shift" จาก บริษัท ไรท์ ชิฟท์ จำกัด ที่มองบิทคอยน์ไปไกลกว่า "การลงทุน" แต่คือการ "เก็บออม" ที่เราทุกคนสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้

ครั้งหนึ่ง คุณลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ เคยกล่าวไว้ "หากเรามีเงินเหลือกินเหลือใช้ เราควรเริ่มต้นที่การออมก่อน" ซึ่งการออมควรออมในสิ่งที่เป็น Store of Value ที่สามารถเก็บรักษาคุณค่าได้ เช่น "ที่ดิน" ทองคำ" และ "บิทคอยน์" หลังจากนั้นถึงจะเป็น "การลงุทน" ที่แบ่งส่วนหนึ่งของเงินออมมารับความเสี่ยงเพิ่ม โดยคาดหวังว่าจะมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

*"Bitcoiner ส่วนมากมอง "บิทคอยน์" เป็นการ "เก็บออม" ไม่ใช่ "การลงทุน"

ปัจจุบันที่เงินมีการเสื่อมค่าอย่างรวดเร็ว (เงินเฟ้อ) ทำให้กลุ่ม Bitcoiner เลือกที่จะเก็บออมเป็น "บิทคอยน์" เพราะมองว่ามีคุณสมบัติเป็นสินทรัพย์ที่ดี รับช่วงตำนานต่อจาก "ทองคำ" สำหรับนักลงทุนมือใหม่อาจแบ่งพอร์ทการลงทุนในบิทคอยน์ ตามสัดส่วนการลงทุนในทองคำ หรือกำหนดสัดส่วนที่ชัดเจนในการลงทุนก่อน และด้วยเหตุผลที่ "บิทคอยน์" ถือเป็นสินทรัพย์ใหม่ที่มีความผันผวนสูง Asset Allocation จึงเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง "Liquidity" หรือ สภาพคล่อง หากเปรียบเทียบ "ทองคำ" กับ "บิทคอยน์" จะเห็นได้ว่า "บิทคอยน์" มีสภาพคล่องมากกว่าและสามารถแปลงเป็นเงิน Fiat ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ "ทองคำ" กลับมี Counterparty Risk ในการขายคืนเป็นเงิน Fiat

*บิทคอยน์ Performance ดี ราคาพุ่ง!!

โลกเราทุกวันนี้ขาดเงินที่สามารถทำหน้าที่ Store of Value ที่ดีได้ เมื่อเรามีเงินเหลือจากการใช้จ่าย เราจำเป็นต้องหาที่เก็บออม แต่ถ้าเราเก็บเงิน Fiat ในยุคนี้ก็จะมีแต่ยิ่งเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ คนบางกลุ่มจึงพยายามนำเงินไปเก็บออมในรูปแบบของสินทรัพย์อื่น เช่น ที่ดิน ทองคำ สิ่งเหล่านี้คือ Monetary Value (มูลค่าที่สินทรัพย์นั้นมีเนื่องจากคนต้องการใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นที่เก็บเงิน) ที่บางครั้งราคาก็สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น

ถ้าวันหนึ่ง "บิทคอยน์" กลายเป็นสิ่งที่แบกรับ (คงมูลค่า) หรือ Monetary Value เงินจากสินทรัพย์อื่นจะไหลเข้าสู่ "บิทคอยน์" ทันที และผลักดันให้ราคาบิทคอยน์สูงขึ้นเช่นกัน

*หนทางข้างหน้าของ "บิทคอยน์"??

  • "บิทคอยน์" ให้รางวัลแก่คนที่เข้ามาศึกษาก่อน
  • ในโลกที่คนรุ่นใหม่เสื่อมศรัทธากับระบบการเงินแบบเดิม ๆ "บิทคอยน์" กลายเป็นตัวเลือกที่คนรุ่นใหม่เทน้ำหนักให้ความสนใจ โดยหวังว่าจะทำให้เขาลืมตาอ้าปากได้
  • ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว คนรุ่นใหม่ (Gen Z) ใช้ชีวิตด้วยความหมดหวัง หมดหวังที่จะมีบ้าน หมดหวังที่จะมีรถด้วยเอง ภาระหนี้สูงขึ้นจนน่ากลัว ก่อเกิดกลุ่ม "นักลงทุน" จำนวนมากที่คาดหวังจะหาเงินเพิ่ม "บิทคอยน์" จะแก้ปัญหานี้ ด้วยความที่บิทคอยน์มีจำนวนจำกัด เป็นสินทรัพย์ในโลกอนาคต ทุกคนสามารถลงทุนได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้เงินทุนสูง
  • ปัญหาอยู่ที่คนที่เข้ามาลงทุนกับ "บิทคอยน์" ไม่ใช่แค่อยากรวย!! แต่อยากรวยเดี๋ยวนี้!! ตอนนี้!! นี่คือความเข้าใจที่ผิด "บิทคอยน์" ไม่สามารถให้สิ่งนั้นแก่คุณได้ แต่คุณสามารถคาดหวังกับบิทคอยน์ในอนาคตได้ คุณมี Time Preference ที่ต่ำพอที่จะรอถึงวันนั้นได้หรือเปล่า?

https://youtu.be/3jG2x4QY0FM

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ