KCC ดีเดย์เปิดแลกหุ้น KCCAMC เป็น KCC โฮลดิ้ง 1:1 ตามแผนปรับโครงสร้าง 26 เม.ย.-12 มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 25, 2024 13:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

KCC ดีเดย์เปิดแลกหุ้น KCCAMC เป็น KCC โฮลดิ้ง 1:1 ตามแผนปรับโครงสร้าง 26 เม.ย.-12 มิ.ย.

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCCAMC) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ ด้วยการจัดตั้ง บมจ.ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง (KCC) ว่า ช่วงระหว่างวันที่ 26 เมษายน 2567-12 มิถุนายน 2567 ทาง KCC ในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง จะเปิดให้มีการแลกหุ้น KCCAMC จากผู้ถือหุ้น

โดยตามขั้นตอน KCC จะประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ KCCAMC จากผู้ถือหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน KCC เพื่อเป็นการชำระค่าหุ้น KCCAMC ในอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของ KCCAMC ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ KCC ทั้งนี้ ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้น KCC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แทนหุ้น KCCAMC ที่จะถูกเพิกถอนในวันเดียวกัน ซึ่งผู้ถือหุ้นของ KCCAMC ที่ตอบรับคำเสนอซื้อจะเป็นผู้ถือหุ้นของ KCC ซึ่งหุ้นสามัญของ KCC มีลักษณะสอดคล้องกับหุ้น KCCAMC และมีสิทธิไม่ด้อยกว่าสิทธิของผู้ถือหุ้นสามัญของ KCCAMC ที่เคยได้รับทุกอย่าง

"การประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ KCCAMC โดย KCC ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อ เป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ KCCAMC เมื่อ 11 กันยายน 2566 ซึ่งมีมติอนุมัติแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ ลดข้อจำกัดด้านการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว" นายทวีกล่าว
สำหรับในขั้นตอนในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KCCAMC จากผู้ถือหุ้นนั้น จะมี บล.ทรีนีตี้ เป็นตัวแทนในการรับซื้อโดยมีระยะเวลาในการรับซื้อทั้งหมด 30 วันทำการ ทั้งนี้ วันสุดท้ายที่ผู้ถือหุ้นที่ตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นสามารถยกเลิกการเสนอขายได้คือวันที่ 28 พฤษภาคม 2567

นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การยกฐานะเป็นโฮลดิ้งจะทำให้บริษัทมีโอกาสเข้าประมูลซื้อหนี้ได้หลากหลายมากขึ้น และจะสนับสนุนให้การเติบโตของบริษัทดีขึ้นด้วย ซึ่งผลดำเนินงานของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai

โดยในปี 2566 บริษัทกำไรสุทธิ 88.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.77% และมีรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 191.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.15 % เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากดอกเบี้ยสูงขึ้นจากการขยายพอร์ตลูกหนี้ NPL ของบริษัท รวมถึงรายได้จากการรับชำระหนี้ และรายได้จากการขาย NPA ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมทั้งบริษัทนอกยังมีรายได้จากการให้บริการบริหารสินทรัพย์เพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ