กบข.เกาะติดความเสี่ยงโลกปรับแผนปั๊มผลตอบแทนโชว์ YTD พุ่งแตะ 3% จ่อเพิ่มทางเลือกลงทุนสมาชิก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2024 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กบข.เกาะติดความเสี่ยงโลกปรับแผนปั๊มผลตอบแทนโชว์ YTD พุ่งแตะ 3% จ่อเพิ่มทางเลือกลงทุนสมาชิก

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนท่ามกลางปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องไปจนถึงปี 69 ซึ่งขณะนี้ กบข.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประชุมเข้มข้นขึ้นทุกสัปดาห์ จากเดิมจะมีการประชุมติดตามสถานการณ์เดือนละครั้ง

ที่ผ่านมา กบข.ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศ โดยลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองคำ น้ำมัน มากขึ้นจากสถานการณ์สงครามที่ยังมีอยู่ โดยจะมีการทบทวนปรับการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) และผลตอบแทนที่คาดหวัง รวมทั้งความเสี่ยงในการประชุมไตรมาส 3/67 นี้

กบข.เกาะติดความเสี่ยงโลกปรับแผนปั๊มผลตอบแทนโชว์ YTD พุ่งแตะ 3% จ่อเพิ่มทางเลือกลงทุนสมาชิก

นอกจากนี้ กบข. ได้กำหนดแผนงานวางรากฐานการบริหารกองทุนในการขับเคลื่อน กบข. ให้เป็นกองทุนที่มีความมั่นคง สร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว มากกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี + 2% ซึ่งในปี 66 กบข. สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 1.46% (หลังหักค่าใช้จ่าย) โดยได้รับผลดีจากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในตราสารหลากหลายประเภท และการจัดการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งในปี 67 เชื่อว่าผลตอบแทนจะสูงขึ้น จากการกระจายการลงทุนสินทรัพย์หลากหลายประเทศ โดยผลตอบแทน YTD สูงขึ้นเป็น 3% แล้ว

ปัจจุบัน กบข. มีจำนวนสมาชิก 1.2 ล้านราย ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.3 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย กองสำรอง 8.6 แสนล้านบาท และส่วนของสมาชิก 4.9 แสนล้านบาท

นายทรงพล กล่าวว่า ขณะนี้ กบข.กระจายสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศอยู่เพดานไม่เกิน 60% เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ค่อนข้างสูง และเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์โภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมัน และ ทองคำ มากขึ้น ขณะที่ลงทุนในประเทศ 40% อยู่ในสินทรัพย์มั่นคงสูงถึง 66.24% และสินทรัพย์เสี่ยง 35.76% สำหรับหุ้นไทยมีสัดส่วนการลงทุนราว 4% โดยกลุ่มเป้าหมายการลงทุนคือกลุ่มที่มีการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG

"กบข.เรามีการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เราลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อให้สามารถรองรับความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดโดยได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสม เราอาจไม่ใช่กองที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด แต่เราเป็นกองทุนที่สามารถรับมือความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีในตลาด"

เลขาธิการ กบข.ระบุว่า ในปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นได้ทันการณ์ ทั้งสงครามตะวันออกกลาง ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ผลการเลือกตั้งและแนวนโยบายในหลายประเทศ โดยเฉพาะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และแนวนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา จะลดทอนความสามารถในการใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง เงินเฟ้อปรับตัวลดลงแบบชะลอตัวและยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลาง

ส่วนเศรษฐกิจไทย ยังต้องติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้มีความเชื่อมั่นในการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และการกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง รวมทั้งการกีดกันทางการค้าที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีคาร์บอน

นายทรงพล กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยบริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทในตลาดมีผลประกอบการที่ดีในหลายอุตสาหกรรม อาทิ ภาคบริการ ท่องเที่ยว การแพทย์ และพลังงานทางเลือก และผลตอบแทนของหุ้นไทยก็ดีขึ้น รวมทั้งยังสามารถที่จะแข่งขันได้ แต่ราคาปัจจุบันอาจยังถูกกดดันจากสภาพตลาดที่มีความท้าทายอยู่

นอกจากนี้ กบข. ได้กำหนดแผนงานวางรากฐานบริหารกองทุน เพิ่มระดับความไว้างใจของสมาชิกที่มีต่อ กบข. เพื่อให้สมาชิกมุ่งสู่การมี "Freedom for Living เกษียณมีสุข" โดยภารกิจแรกที่จะดำเนินงานคือการทบทวนความเพียงพอของเงิน ณ วันเกษียณ โดยเพิ่มตัวแปรหนี้สิน การมีอายุยืนยาวของคนไทย และระดับความเพียงพอของสมาชิกแต่ละกลุ่มอาชีพเข้ามาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ระดับความเพียงพอมีค่าเป็นปัจจุบันมากที่สุด และนำผลศึกษามาปรับปรุงแผนการจัดสรรการลงทุนของ กบข.

ภารกิจที่สอง คือ การศึกษาเพิ่มทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่นให้กับสมาชิก โดยทางเลือกในการรับผลตอบแทนรูปแบบอื่นออกแบบสำหรับส่วนเพิ่มเงินออมที่สมาชิกเพิ่มเติมจากภาคบังคับ เนื่องจากความต้องการของสมาชิกในการออมเพิ่มนั้นอาจมีลักษณะผลตอบแทน โดยความเห็นส่วนใหญ่ของสมาชิกอันดับหนึ่งคือต้องการรับเงินปันผลระหว่างทาง ถัดมาคือ ต้องการทางเลือกในการออมเพิ่มเติม และอาจรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น สิทธิ์นการใช้บริการ Retirement Home & Care เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ และอาจต้องมีการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ เนื่องด้วยการเพิ่มขึ้นของกลุ่มประชากรสูงวัย (Aging Society) จะมีส่วนในการปรับปรุงการลงทุนในอนาคตด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ