(เพิ่มเติม) UEC คาดปี 51 ปัญหาต้นทุนสูงกระทบกำไร, ศึกษาหาผลิตภัณฑ์ใหม่สรุปสิ้นปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 14, 2008 12:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายไทยลักษณ์ ลี้ถาวร ประธานเจ้าหน้าบริหาร บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) ยอมรับว่า กำไรสุทธิปีนี้อาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย
เนื่องจากปัญหาปัญหาวัตถุดิบ เช่น เหล็ก ปรับตัวขึ้นมาสูง ซึ่งส่งผลกระทบอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ปีนี้ไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้เช่นกัน แต่ก็ยังมั่นใจว่าน่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 330 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 51 กำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 370-380 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่จะมีกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาวัตถุดิบ ราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นมาสูงมาอยู่ที่ 38-40 บาท/กก. ส่งผลให้ Gross Profit Margin ลดลงมาที่ 16% พลาดเป้าจาก 18% รวมถึงได้รัลบผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นด้วย
นายไทยลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนของรายได้เชื่อว่ายังสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ที่ 2.4 พันล้านบาทได้ เนื่องจากปัจจุบันยังมี Backlog เหลืออยู่ 1.7 พันล้านบาท จากที่รับรู้ไปแล้ว 400 กว่าล้านบาทในไตรมาส 1/51
"ในปีนี้คงจะยากในการที่จะทำให้ Net Profit Margin เป็นอัตราเดียวกับปีก่อนได้ เพราะปัญหาวัตถุดิบแพงเหลือเกิน ถึงแม้เรามีเหล็กที่ล็อคไว้บางส่วน แต่ก็คงไม่สามารถรองรับปัญหาดังกล่าวได้หมด" นายไทยลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากปัจจัยวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะราคาเหล็กบริษัทก็ได้มีการปรับราคากับลูกค้าบางรายไปโดยเฉพาะรายใหม่ ขณะที่ลูกค้ารายเดิมบริษัทสามารถควบคุมได้เพราะมีสต็อกเหล็กที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปลายปี 50 ที่ราคา 28-29 บาท/ก.ก. แต่ก็รองรับได้ถึงสิ้นไตรมาส 2/51 รวมถึงมีการบริหารต้นทุนและปรับปรุบประสิทธิภาพการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การบริหาร cost ดังกล่าวคงไม่สามารถรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในถังปิดความเย็น (CRYOGENIC) รองรับก๊าซจำพวกไนโตรเจน อ็อกซิเจน รองรับการส่งออกของประเทศ ซึ่งถังเก็บความเย็นในต่างประเทศมีความต้องการสูงขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนในการที่หาซื้อที่ดินที่จ.ระยองเพื่อมาพัฒนาเป็นโรงงานส่วนรูปแบบว่าจะซื้อหรือเช่านั้นน่าจะสรุปได้ในช่วงไตรมาส 2/51 ถ้าจะซื้อคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 50-70 ล้านบาท ปัจจุบันมีวงเงินกู้แล้ว
ในส่วนของถังบรรจุก๊าซ NGV คงพับแผนไปก่อนเนื่องจากมองว่าหากลงทุนในการนี้จะไม่คุ้มเพราะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 700-800 ล้านบาท และหากจะผลิตให้คุ้มทุนนั้นจะต้องผลิตให้ได้ 2 แสนลูก
ในส่วนงานส่งออกบริษัทจะหันมาให้ความสนใจในการส่งออกมากขึ้นจากความต้องการที่มากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีลูกค้าใหม่จากต่างประเทศเข้ามาให้เราทำเพื่อส่งออก ขณะนี้บริษัทก็จะส่งออกถังเก็บความเย็นด้วยคาดว่าจะเห็นภายในสิ้นปีนี้ ทำให้มองว่าใน 5 ปีข้างหน้า การส่งออกจะมากขึ้นเป็น 50% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 20%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ