ที่ปรึกษาฯเผย"พรีเมียร์"ปลื้มยอดจอง IPO กองทุนญี่ปุ่นขอซื้อ 10ล้านหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 15, 2008 19:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บมจ.พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง(PM) เปิดเผยว่า ยอดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO) 215 ล้านหุ้น ในวันแรกที่เปิดให้จองซื้อ 14-16 พ.ค.ปรากฎว่านักลงทุนให้การตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยมีกองทุน JAIC ประเทศญี่ปุ่นขอซื้อหุ้น 10 ล้านหุ้น 
ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกิจของบริษัทอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีความมั่นคงและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้เป็นหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจโดยวัดจาก PE Ratio ของหุ้นกลุ่มอาหารซึ่งสูงถึง 18 เท่า ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทที่หุ้นละ 3.10 บาท เท่ากับ PE Ratio 9.7 เท่าของกำไรปี 2550 และ PE Ratio 8.1 เท่าของกำไรปี 2551 ซึ่งได้ให้ส่วนลดพอสมควรแก่นักลงทุน โดยจะเริ่มเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกในวันที่ 27 พ.ค.นี้อยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ PM
นอกจากนี้จุดแข็งของบริษัท คือ การมีสินค้าแบรนด์ของตัวเองที่ประสบความสำเร็จ เช่น ปลาสวรรค์ทาโร ลูกอมคอริฟีน-ซี ซอสคิงส์คิทเช่น เป็นต้น โดยเฉพาะปลาสวรรค์ทาโร ซึ่งเป็นเจเนริคแบรนด์ที่ประชาชนรู้จักอย่างกว้างขวาง ถือเป็นสินค้าหลักของบริษัท มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง
ประกอบกับความที่ PM มีความตั้งใจที่จะจ่ายปันผลในอัตราสูงเป็นที่น่าพอใจโดยบล.บัวหลวง คาดว่า PM จะจ่ายขั้นต่ำ 15 สตางค์ในปี 52 จึงน่าจะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาจองซื้อหุ้นในครั้งนี้
ผลประกอบการไตรมาส 1/51 โดยงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิเท่ากับ 123.52 ล้านบาท ซึ่งได้รวมกำไรจากการได้รับลดหนี้จำนวน 84.99 ล้านบาทของบริษัทย่อย ในส่วนของงบเฉพาะบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 34.77 ล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะเป็นบวก 43.71 ล้านบาท และ 34.10 ล้านบาท ตามลำดับ
นายญาณศักดิ์ กล่าวต่อว่า แม้บริษัทพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จะมีขาดทุนสะสมอยู่จำนวน 500 ล้านบาท แต่มีแผนล้างขาดทุนสะสมโดยการนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นประมาณ 305 ล้านบาท จากการขายหุ้นไอพีโอหุ้นละ 3.10 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาพาร์ที่ 1 บาท และกำไรจากการขายหุ้นของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัทพรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) ที่บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด ประมาณ 145 ล้านหุ้น โดยมีต้นทุนอยู่ที่หุ้นละ 0.25 บาท รวมทั้งกำไรสุทธิเฉพาะของบริษัทเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท จะทำให้บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้งล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2551 และพร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในปี 2552

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ