ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สั่ง บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) และ บมจ.เพียร์ ฟอร์ ยู (PEER) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในงบการเงินปี 67 โดย AQUA ถือหุ้น 25% ใน PEER ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ และบริการพัฒนาและจิดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูล
PEER เข้าไปลงทุนในธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ ให้กู้ยืมเงินกับ XIBO ที่เป็นบริษัท Holding ลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร , จ่ายเงินมัดจำ 100 ล้านบาทเพื่อศึกษาการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าของ กบมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป [EP] , ถือหุ้น 5% ใน บมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น [NEWS] , ถือหุ้น 91% ใน PFA ธุรกิจฟินเทค, ถือหุ้น 100% ใน PPP ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน, ถือหุ้น 99% ใน HPS ให้บริการและจำหน่ายสินค้าผ่าน Omni Channel
ตลท.ระบุว่า ผู้สอบบัญชีของ AQUA มีข้อสังเกตดังนี้ (1) บริษัทย่อยไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายหุ้นอาจกระทบมูลค่าเงินมัดจำ (2) บริษัทร่วม 2 แห่งวางเงินมัดจำเพื่อซื้อที่ดินและศึกษาโครงการโรงไฟฟ้า ต่อมายกเลิกรายการแต่ยังไม่ได้รับเงินคืน และ (3) ความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัท ซึ่งมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท โดยขอให้ชี้แจงภายใน 16 เม.ย.68 ส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบให้ชี้แจงภายใน 22 เม.ย.68 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท
ขณะที่กรณีของ PEER ปรากฏผลขาดทุน 164 ล้านบาทจากการบันทึกด้อยค่าค่าความนิยม 280 ล้านบาทในธุรกิจที่ลงทุนในปี 67 (39% ของมูลค่าลงทุน) นอกจากนี้ผู้สอบบัญชียังมีข้อสังเกตกรณีบริษัทยังไม่ได้รับเงินมัดจำคืนจากการยกเลิกการลงทุน 30 ล้านบาท และบันทึกด้อยค่าลูกหนี้จากการขายเงินลงทุน 120 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 66 ปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามหนี้ได้ ซึ่งอาจกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และการประกอบธุรกิจของบริษัท
ข้อมูลสำคัญในงบการเงินปี 67
เดือนสิงหาคม 2567 บจก. เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง (FAB : บริษัทย่อย 100%) จะซื้อหุ้นทั้งหมดของ บจก. ยามะจัง (ไทยแลนด์) (YMC) ซึ่งประกอบธุรกิจอาหาร ในราคา 610 ล้านบาท วางเงินมัดจำ 231 ล้านบาท (38% ของมูลค่าซื้อ) โดย FAB ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายหุ้น อาจกระทบมูลค่าเงินมัดจำที่จะได้รับคืนในอนาคต
บริษัทร่วม 2 แห่ง คือ บมจ. ไทยพาร์เซิล (TPL) และ PEER วางเงินมัดจำเพื่อซื้อที่ดินและศึกษาโครงการโรงไฟฟ้า ต่อมายกเลิกรายการแต่ยังไม่ได้รับเงินคืนรวม 110 ล้านบาท
ความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 988 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3,188% ขณะที่ปี 66 มีกำไร 32 ล้านบาท) โดยมีสาเหตุสำคัญดังนี้
(1) ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 435 ลบ.
(2) รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) และ PEER 385 ลบ.
(3) ขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้และสินทรัพย์ต่างๆ 224 ลบ.
- เงินให้กู้ยืมแก่ บจก. เอธธิคอล กูร์เมต์ (EG) ปี 67 ยอดคงเหลือ 128 ลบ. ด้อยค่า 74 ลบ.
- ค่าความนิยมของ บจก. เฉลิมภัทร คอร์ปอเรชั่น ซึ่งลงทุนเมื่อ มี.ค. 66 โดยซื้อหุ้น 79% ราคา 463 ลบ. มีค่าความนิยม 281 ลบ. ด้อยค่าความนิยม 30 ลบ.
- ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่น ด้อยค่า 69 ลบ.
- สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา ด้อยค่า 43 ลบ.
- ค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้อง 6 ลบ.
- ขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 2 ลบ.
ตลท.ขอให้ชี้แจงข้อมูลดังนี้
1. สาเหตุที่ FAB ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายหุ้นได้ ความคืบหน้าในการแก้ปัญหาและกรอบเวลาที่คาดว่าแล้วเสร็จ ความเสี่ยง/การป้องกันความเสี่ยงที่จะไม่ได้เงินมัดจำคืน ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ FAB และการด้อยค่าเงินลงทุน
2. ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ
(1) ความเหมาะสมและเพียงพอของการวางเงินมัดจำและการบันทึกด้อยค่าต่างๆ รวมทั้งความเหมาะสมของแนวทางการติดตามลูกหนี้และมูลค่าหลักประกัน
(2) มาตรการกำกับดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ความเสี่ยงจากการให้เงินกู้ยืม การลงทุนในธุรกิจต่างๆ การลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานเป็นขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ นโยบายการลงทุนหรือ ทำธุรกรรมใดๆ ในอนาคตเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
3. ขอให้บริษัทรายงานความคืบหน้าในการติดตามเพื่อให้ได้รับเงินมัดจำคืนและเงินให้กู้ยืมแก่ EG พร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญจนกว่าจะได้ข้อสรุปหรือได้รับชำระหนี้ครบถ้วน
สรุปเหตุการณ์และข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567
ปี 67 บริษัทมีการซื้อเงินลงทุนใน บจก. เพียร์ ฟอร์ ออล (PFA) บจก. แฮปปี้ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส (HPS) และบจก. พรอสเพอร์พลัส จำกัด (PPP) มูลค่า 725 ล้านบาท ต่อมามีการบันทึกด้อยค่าความนิยมรวม 280 ล้านบาท ของ PFA และ HPS สำหรับ PPP ไม่สามารถประกอบธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตที่มีอยู่เดิมได้
บริษัทได้โอนส่วนงาน Call Center บางส่วนให้แก่ บจก.วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล (OTP) เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding Company ต่อมาเดือนสิงหาคม 2567 PEER ขายเงินลงทุนใน OTP และเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทร่วม (30%) ทั้งนี้ ภายหลังจำหน่ายหุ้น OTP แล้ว PEER ยังมีสถานะเป็น Operating Company เนื่องจากยังบริหารจัดการสัญญากับลูกค้าซึ่งจะทยอยหมดอายุภายในปี 2569
บริษัทยังมีธุรกรรมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถเรียกเก็บหนี้ได้ รวม 190 ล้านบาท สรุปดังนี้
(1) เงินมัดจำการเข้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามของ EP (15% ของราคาซื้อ) 30 ลบ.
(2) การบันทึกด้อยค่าลูกหนี้จากการขายเงินลงทุนทั้งหมดใน บจก.ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์ (PSD) ตั้งแต่ปี 2566 วงเงิน 120 ลบ.
(3) เงินให้กู้ยืมแก่ XBIO (ตั้งด้อยค่าแล้วในปี 2566) 40 ลบ.
ตลท.ขอให้ชี้แจงข้อมูลดังนี้
1. ปัจจัยที่ใช้พิจารณาเพื่อบ่งชี้การด้อยค่าค่าความนิยมของ PFA และ HPS ในระยะเวลาอันสั้น ปัจจัยที่ใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนและความแตกต่างของผลประกอบการภายหลังเข้าลงทุนพร้อมเหตุผล รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจด้อยค่า เงินลงทุนและค่าความนิยมเพิ่มเติมในอนาคต
2. สาเหตุที่ PPP ไม่สามารถประกอบธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตที่มีอยู่เดิมได้ กรณีดังกล่าวฝ่ายจัดการได้ทราบและเป็นหนึ่งในข้อมูลความเสี่ยงที่คณะกรรมการบริษัทได้ใช้เพื่อพิจารณาเข้าลงทุนหรือไม่ อย่างไร เงื่อนไข/ข้อตกลงสำคัญในการเข้าลงทุน รวมทั้งการชดเชยค่าเสียหายจากการไม่สามารถประกอบธุรกิจได้และความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว ปัจจุบัน PPP มีการประกอบธุรกิจหรือไม่ อย่างไร
3. สรุปการดำเนินการที่ผ่านมาและความคืบหน้าการติดตามหนี้ (190 ล้านบาท) แนวทางดำเนินการเพื่อให้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดคืน รวมทั้งบริษัทตั้งด้อยค่าเงินมัดจำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามแล้วหรือไม่ มาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงหรือบังคับขายหลักประกันกรณีอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้ (ถ้ามี)
ทั้งนี้ ขอให้บริษัทเปิดเผยความคืบหน้าการได้รับชำระหนี้พร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน
4. นโยบายการประกอบธุรกิจในอนาคตของบริษัทภายหลังจากการจำหน่ายธุรกิจให้บริการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company บริษัทได้ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องแล้วหรือไม่ อย่างไร ปัจจุบันบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักคือบริษัทใด ทั้งนี้ หากอยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้รายงานความคืบหน้าพร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
5. ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ
(1) ความเหมาะสมและเพียงพอของการตั้งด้อยค่าต่างๆ รวมทั้งความเหมาะสมของแนวทางการติดตามลูกหนี้
(2) มาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงจากการให้เงินกู้ยืม การลงทุนในธุรกิจต่างๆ การลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานแต่ละปี ทำให้มีขาดทุนสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงหากมีการลงทุนหรือทำธุรกรรมใดๆ ในอนาคตด้วย