นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/51 และ ไตรมาส 3/51 จะได้รับผลบกระทบหากต้องลดค่าการกลั่นดีเซลลง 1 บาท/ลิตรตามนโยบายของกระทรวงพลังงานเพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชน
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าค่าการกลั่นโดยรวมจะได้รับกระทบประมาณ 1.50 เหรียญ/บาร์เรล จากช่วงไตรมาส 1/51 ที่บริษัทมีค่าการกลั่น 5.15 เหรียญ/บาร์เรล
"ถ้าบางจากฯ ต้องไป subsidy 5 เดือนจากเดือนเมษายนถึงสิงหาคม ตรงจุดนี้ก็น่าจะกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 และ 3 แต่ในเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปชัดเจนระหว่างกลุ่มโรงกลั่นกับกระทรวงคงเป็นอาทิตย์หน้า และยังค้องรอความชัดเจนเย็นนี้"นายยอดพจน์ กล่าว
อนึ่ง การประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในช่วง 17.00 น.วันนี้ จะหยิบยกมาตรการด้านพลังงานขึ้นมาหารือเป็นประเด็นหลักด้วย
นายยอดพจน์ ให้ความเห็นว่าการลดราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่น ควรจะลดราคาเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่น ภาคเกษตร ภาคขนส่ง เป็นต้น ดีกว่าจะไปภาระให้กับคนทั้งประเทศ
และการปรับลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล น่าจะส่งผลดีกับผู้จำหน่ายน้ำมันค้าปลีกที่ไม่มีโรงกลั่นเป็นของตัวเอง เนื่องจากปัจจุบันผู้ค้าปลีกขาดทุนค่าการตลาดนำมันดีเซลประมาณ 2 บาท/ลิตร ขณะที่การขอความร่วมมือเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นของไทย จะเสียเปรียบกลุ่มโรงกลั่นต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามว่าโรงกลั่นต่างชาติจะเข้าร่วมสนับสนุนมาตรการนี้หรือไม่
นายยอดพจน์ กล่าวว่า บริษัทกลุ่มโรงกลั่นที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ดังนั้น หากรัฐกำหนดให้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้ก็จะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการแต่ละบริษัท ทั้งนี้ ก็ยังต้องติดตามรายละเอียดของมาตรการนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายยอดพจน์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้ประมาณ 3.8 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากไตรมาสแรกมีค่าการกลั่นสูงกว่าเป้าหมาย และโดยปกติบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายค่าการกลั่นไว้มาก เนื่องจากโรงกลั่นบางจากฯอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--