โบรกฯ แนะ"ซื้อ" MCOT มองกำไร Q2/51 โตมาก-ปรับผังก.ค.แนวโน้มโฆษณาเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 4, 2008 11:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ" หุ้นบมจ.อสมท. (MCOT) มองกำไรในไตรมาส 2/51 จะโตโดดเด่น จากรายการเด่น อย่างเดอะสตาร์, AF5 และ ฟุตบอลยูโร ดึงโฆษณาเข้าสูง และมองว่าทั้งปีกำไรโต 14-29% ขณะที่ บริษัทเตรียมปรับผังรายการในเดือน ก.ค.เน้นรายการบันเทิงมากขึ้นยิ่งทำให้โฆษณาเข้าง่ายขี้น 
ประกอบกับบริษัทคลายความกังวลหลังนายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากรมว.สำนักนายกรัฐมนตรี และราคาหุ้นปรับลงไปมาก รอจังหวะเข้าซื้อ
วานนี้ ราคาหุ้น MCOT ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หลังจากที่ลงไปต่ำสุดที่ 24.90 บาท เมื่อ 29 พ.ค.ทีผ่านมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ฟิลลิปฯ ซื้อ 37.50
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อ 35.00
บล.เกียรตินาคิน ถือ 35.70
บล.ธนชาต ซื้อ 33.00
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) มองว่าแนวโน้มหุ้น MCOT ก็ยังน่าลงทุน และคงแนะนำซื้อ เนื่องจากในไตรมาส 2/51 มีรายการที่เกิดตามโปรแกรม ได้แก่ เดอะสตาร์(เพิ่งจบ), AF5(กำลังดำเนินรายการอยู่), ฟุตบอลยูโร (ในเดือนมิ.ย.) ซึ่งรายการเหล่านี้จะเป็นตัวดึงโฆษณา ดังนั้นมองว่า กำไรในไตรมาส 2 น่าจะกำไรโดดเด่น ประกอบกับ ในไตรมาสนี้เป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับอุตสาหกรรมนี้ด้วย
ขณะที่ เห็นว่าไตรมาส 1/51 น่าจะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปี จากปีที่แล้วแย่มาตลอด รายได้ในไตรมาส 2 จะเริ่มฟื้น
ทั้งนี้ บล.ฟิลลิปฯได้ประมาณการผลประกอบการ MCOT ปี 51 จะมีกำไรสุทธิ 1,435 ล้านบาท โตประมาณ 29% จากปีก่อน และรายได้ จะอยู่ที่ 4,391 ล้านบาท โตประมาณ 14% จากปีก่อน
"มีความกังวลเรื่องเดียวคือเรื่องการเมือง อาจจะทำให้คนใช้โฆษณาชะลอการใช้เพื่อรอดูภาวะทางการเมืองให้ชัดเจนอีกครั้ง...ก็ต้องดูว่ายืดเยื้อไปมากน้อยขนาดไหน ก็คงต้องดูต่อไปว่าเขาจุดไฟติดแล้วหรือยัง" นักวิเคราะห์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลาออกของนายจักรภพ เพ็ญแข จากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยลดแรงกดดันหุ้นตัวนี้ส่วนหนึ่ง เรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร พอลาออกแรงกดดดันเรื่องผู้บริหารก็ไม่มี การบริหารงานเป็นไปตามปกติ และทำให้นักลทุนคลายความกังวลเรื่องนี้ไปได้ และราคาหุ้น MCOT ช่วงนี้ปรับตัวลงไปมากแล้วจึงยังแนะนำซื้อ
ทั้งนี้ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการ MCOT ระบุ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ บริษัทเตรียมแถลงข่าวปรับผังรายการในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์ กล่วว่า การปรับผังรายการในเดือนก.ค.เท่าที่ฟังจากผู้บริหาร MCOT ในการประชุมนักวิเคราะห์ว่า การปรับผังใหม่จะมีรายการประเภทบันเทิงมากขึ้น ก็จะทำให้การขายโฆษณาดีขึ้น และการให้ส่วนลดค่าโฆษณามีแนวโน้มลดลง ก็จะทำให้ตัวรายได้และมาร์จิ้นดีขึ้น รวมทั้งเน้นความแข็งแรงของผังรายการให้มีความหลากหลายของรายการมากขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ก็จะทำให้ขายโฆษณาได้ง่ายขึ้น
น.ส.สุธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/51 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/51 และ ไตรมาส 2/50 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และตัวรายการต่างๆก็มีเรตติ้งดีขึ้น ค่าโฆษณาต่อนาทีได้มากขึ้นโดยเฉพาะช่วงไพร์มไทม์ โดยค่าโฆษณาได้ทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและต้นปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ ประมาณการว่าในปี 51 MCOT จะมีกำไรสุทธิโต 19% มาอยู่ที่ 1,317 ล้านบาท ส่วนรายได้ จะเพิ่มขึ้น 11% มาอยู่ที่ 4,280 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่รวมรายได้ที่อาจจะเพิ่มขึ้นจาก TrueVision ที่กม.เปิดให้สามารถโฆษณาได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากันอยู่
"แนวโน้มกำไรปีนี้จะดีทีเดียว...แนะนำซื้อ แต่ก็ต้องหาจังหวะทยอยเข้า" นส.สุธาทิพย์ กล่าว
บทวิเคราะห์ของบล.ธนชาต ระบว่าราคาหุ้น MCOT ที่ลดลงอย่างมาก ประมาณ 16% กลายเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ เนื่องจากเรื่องราวการฟื้นตัวของบริษัทฯ ยังคงเป็นไปตามคาด ขณะเดียวกัน ปัจจุบันความเสี่ยงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ได้เริ่มจางหายไปแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรของ MCOT จะขยายตัวราว 14% และ 21% ในปี 51-52 ผลักดันโดยการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้เวลาโฆษณา จากการกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งของส่วนแบ่งผู้ชม การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าโฆษณา และประโยชน์จาก Operational leverage
เนื่องจากมากกว่า 30% ของงบค่าใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์มาจากสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์จึงค่อนข้างมีความปลอดภัยต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ MCOT ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากประมาณ 30% ของกำไรของบริษัทฯ มาจากรายได้ค่าสัมปทานของ BEC และ TrueVision ซึ่งจะได้รับไปอีก 11-12 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ประมาณการผลการดำเนินงานมีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นไปอีก จากการปรับอัตราค่าโฆษณาขึ้นสูงกว่าที่เราคาด โดยคาดว่าอัตราค่าโฆษณาจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5% ในปีหน้า แม้ว่าอัตราค่าโฆษณาของช่องจะถูกที่สุดในกลุ่มก็ตาม และ รายได้ค่าสัมปทานที่เพิ่มขึ้นจาก TrueVision จากการที่ พ.ร.บ.การประกอบการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฉบับใหม่อนุญาตให้ TrueVision สามารถหารายได้จากการโฆษณาได้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ 350 ลบ.ต่อปี หากสมมติให้ปัจจัยบวกทั้งสองประการนี้เกิดขึ้น ประมาณการผลการดำเนินงานของเราเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอีกราว 5% ในปี 52

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ