MEDIAS ได้เวลาใหม่หลังเที่ยงคืนเพิ่มชม.ทดแทนเสียไพร์มไทม์ให้"ไตรภพ"

          นายธงชัย ชั้นเสวิกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.มีเดีย ออฟ มีเดียส์(MEDIAS)ยอมรับว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการเข้ามาเสนอรายการของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ผู้บริหาร บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัดที่จะเข้ามาจัดรายการ"คลับเซเว่น" เริ่ม 1 ก.ค.ที่ทำให้บริษัทต้องคืนเวลาสำหรับรายการ 7 กะรัต ที่ออกอากาศทุกวันอังคารเวลา 22.30 น.เป็นเวลา 120 นาที/สัปดาห์
          อย่างไรก็ตาม MEDIAS ได้เวลาใหม่ในช่วง 00.30 น.เพื่อผลิตรายการใหม่"เจาะเกาะติด"เป็นรายการสาระเชิงข่าว 1 รายการ ออกอากาศวันจันทร์-พฤหัสบดี รวมเป็นเวลา 240 นาที/สัปดาห์ โดยรายการดังกล่าวจะมีมืออาชีพด้านงานข่าวจากพนักงานไอทีวีเดิม อาทิ เชิงชาย หว่างอุ่น, ต๊ะ-นารากร ติยายน, บุญญิตา งามศัพพศิลป์, ชิบ จิตนิยม, สมชัย ศรีสุนาครัว ฯลฯ โดยจะเริ่มออกอากาศในเดือนกรกฎาคมนี้
          "ยอมรับว่าเราเสียเวลาไพร์มไทม์ไป แต่ได้เวลามาเพิ่มอีก 120 นาที/สัปดาห์ ก็ต้องรอดูผลตอบรับอีกครั้งจากรายการใหม่ ซึ่งกว่าจะประเมินได้คงต้องรอในช่วงไตรมาส 3/51 แต่ด้วยทีมข่าวที่เราได้มาจากทีไอทีวีเราคาดว่ารายการจะได้รับความสนใจ และถึงตอนนั้นเราก็คงต้องมาพิจารณาเรื่องเป้าหมายการเติบโตของงรายได้เสียใหม่ ส่วนการที่กลุ่มคุณไตรภพเข้ามาบริษัทอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่อย่าลืมว่าเรากับช่อง 7 เป็นเหมือนบริษัทแม่และบริษัทลูกกัน ซึ่งไม่มีปัญหาสำหรับเรา" นายธงชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
          สำหรับปี 51 บริษัทยังตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 900 ล้านบาท และขณะนี้มั่นใจว่าเรายังสามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านรายการ 
          ปัจจุบัน MEDIAS เป็นผู้ผลิตรายการ 7 รายการ และให้เช่าเวลาผลิตรายการ 2 รายการ คือ ชิงร้อยชิงล้าน และภาษาปาร์ตี้  และบริษัทยังได้ยื่นขอเวลาเพิ่มจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งคาดว่าจะได้คำตอบในช่วงไตรมาส 3/51 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการวางรูปแบบรายการคงต้องให้ได้เวลาเสียก่อนจึงมาคิดรายการที่สอดคล้องกับช่วงเวลา
*ทุ่มลงทุนทีวีดาวเทียม หวังเป็นตัวสร้างรายได้ในอนาคต
          นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาในรายละเอียดและเสนอขายเวลาในรายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. และเริ่มดำเนินกิจการเต็มรูปแบบได้ในช่วงเดือน ก.พ.52 ทั้งนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญและส่งผลดีต่อผลประกอบการ โดยโครงการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมใช้เงินลงทุนมากกว่างบที่ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ล้านบาท เนื่องจากต้องติดตั้งอุปกรณ์ด้านไอทีและบุคลากรที่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง