(เพิ่มเติม) CENTEL ปรับเป้ารายได้ปี 51 โตเป็น 15-20%,ก.ค.ออกกองทุนอสังหาฯแทนขายPO

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 5, 2008 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

           นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 51 จะเติบโต 15-20% จากเป้าเดิม 15% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/51 รายได้ทั้งในส่วนธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหารเติบโตได้ดี ถึงแม้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่นิ่งและมีปัญหาชอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทั้งปีน่าจะยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เท่ากับปีก่อนที่ 65%
นายรณชิต กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ธุรกิจอาหาร มีผลกระทบเล็กน้อยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ แต่ภาพรวมกำลังซื้อก็ไม่ได้ถดถอยลง
"สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น และปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้น เราได้มีการทบทวนอยู่ตลอด ดูเป็นรายวันแต่เราก็ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับ โดยธุรกิจอาหารได้เพิ่มสินค้าใหม่เพื่อปรับราคาได้สูง"นายรณชิต กล่าว
บริษัทมีแผนออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์จำนวน 3.4-3.5 พันล้านบาท ในเดือนก.ค. เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายกิจการ แทนการขายหุ้นเพิ่มทุน(PO) จำนวน 170 ล้านหุ้นที่ได้เลื่อนมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย
"หากเม็ดเงินที่ได้จากการออกกองทุนอสังหาฯ เท่ากับการขายหุ้นเพิ่มทุน ก็อาจจะยกเลิกการขายหุ้นเพิ่มทุน"นายรณชิต กล่าว
ทั้งนี้ งบลงทุนสำหร้บปีนี้ ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท โดยในช่วง 3 ปี (ปี 51-53 )จะใช้งบลงทุนรวม 1 หมื่นล้านบาทในการสร้าง 3 โรงแรม ได้แก่ รร.เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิล์ด จำนวน 4 พันล้านบาท , พัทยา จำนวน 4 พันล้านบาท มีแผนเปิดไตรมาส 3/52 และ ภูเก็ต จำนวน 2 พันล้าน บาท ตามแผนเปิดไตรมาส 2/53
แหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ 6 พันล้านบาท และที่เหลือ มาจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ ส่วนทุนของบริษัท ซึ่งหลังการกู้เงินเพิ่มจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่ม โดยบริษัทจะรักษา D/E ที่ 2 เท่า โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 เท่า
นายรณชิต กล่าว่า ตนจะเดินทางไปมัลดีฟ เพื่อหาโอกาสในการลงทุนซึ่งอาจเป็นลักษณะเข้าไปลงทุน หรือ เข้าไปบริหารโรงแรม ส่วนการลงทุนในจีนและเวียดนามยังไม่มีความคืบหน้า เพราะในปีนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญพัฒนาโรงแรมในประเทศก่อน ส่วนในต่างประเทศ คงจะเข้าไปลักษณะรับบริหารมากกว่า โดยเมื่อเดือนเม.ย.ได้เข้าบริหารธุรกิจสปา ในเวียดนาม
ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทจะปรับโครงสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรมเป็น 50% จาก 47% และ ธุรกิจอาหารเป็น 50% จาก 53% เพราะมองว่า อนาคตรายได้จากธุรกิจโรงแรมจะดีกว่าธุรกิจอาหาร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ