KH เชื่อรายได้ดีขึ้นแม้รัฐปรับค่าหัวบัตรทองไม่มาก/เตรียมเปิดศูนย์เด็กน้ำหนักน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 13, 2008 12:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นพ.เฉลิม หาญพานิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล(KH) ผู้บริหารโรงพยาบาลในกลุ่ม"เกษมราษฎร์"เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แม้ว่ารัฐจะปรับเพิ่มวงเงินรายหัวในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 52 เพิ่มขึ้นเพียง 117 บาท เป็น 2,217 บาท จาก 2,100 บาท ก็ยังจะส่งผลดีต่อรายได้ของโรงพยาบาลแน่นอน  
ทั้งนี้ โรงพยาบาลมีรายได้แบบเหมาหัวจากผู้ป่วยนอกที่ใช้บัตรทองประมาณ 20% แต่รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลจะรับรักษาตามภาระหนักของโรคและปริมาณคนไข้ที่รับรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
"โรงพยาบาลไม่ได้รับเฉพาะ member ของบัตรทองอย่างเดียวซึ่งรายได้ในส่วนนี้ประมาณ 20% กว่าเท่านั้น แต่เรารับรายได้จากโรคค่าใช้จ่ายสูงที่ผู้ป่วยในเข้ามารักษาตามภาระหนักของโรค ขณะที่งบบัตรทองเป็นผู้ป่วยนอกแบบเหมามาเท่านั้น ส่วนผู้ป่วยในนั้นเอามารวมกันเป็นกองใครให้บริการมากก็จะได้เงินมาก"นพ.เฉลิม กล่าว
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)กล่าวว่า การที่รัฐปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวส่งผลดีต่อ KH แม้ว่าการปรับขึ้นออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้ 200 บาท เพราะปรับขึ้นเพียง 117 บาท แต่ผลกระทบจากที่ปรับขึ้นต่ำกว่าคาดคงมีไม่มากนัก เพราะส่วนที่เป็นผู้ป่วยนอกที่ใช้บัตรทองมีสัดส่วนรายได้เพียง 20-25% จากรายได้รวมของ KH
"เป็นข่าวดีที่ปรับขึ้น แต่ไม่ดีเพราะปรับน้อยไป เพราะที่ผ่านปรับปีละ 200 บาท ครั้งนี้ปรับน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และยังมีเรื่องเงินเฟ้ออีก แต่ก็ไม่ได้ผลกระทบอะไรมากเพราะบัตรทองมีรายได้ประมาณ 20% และบัตรทองก็ไม่ได้กำไรเท่าไร"
บล.ฟิลลิป ยังแนะ"ซื้อ" KH ให้ราคาเป้าหมาย 10.05 บาท แต่คงต้องปรับประมาณการลงเล็กน้อย เพราะเดิมคาดว่าค่าใช้จ่ายรายหัวจะเพิ่มขึ้น 200 บาท แต่กลับเข้ามา 117 บาท แต่ไม่ได้มีนัยมากเพราะไม่ได้เป็นทั้งหมดของรายได้ และปีนี้กว่ารายได้ส่วนนี้จะเข้ามาก็เป็นเดือนต.ค.คงไม่กระทบทั้งหมด
*เตรียมเปิดศูนย์รับส่งต่อเด็กน้ำหนักน้อยอีก 1- 2 เดือน
นพ.เฉลิม กล่าวว่า KH มีแนวทางการเพิ่มรายได้ด้วยการเปิดบริหารทางการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น โดยในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะเปิดศูนย์รับ-ส่งต่อเด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1,500 กรัมที่เชื่อว่าจะเป็นบริการหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร
"รายได้เบื้องต้นคงต้องรอเปิดก่อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่ง จากเดิมเรามีผลิตภัณฑ์สำหรับรับส่งต่อตามน้ำหนักโรคสูง คือศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์มะเร็ง ศูนย์ตา ตอนนี้เราเปิดศูนย์เด็ก คาดว่าอีก 1-2 เดือนคงจะเปิดได้ เพราะโดยหลักการอนุมัติมาแล้วว่าให้ทางกลุ่มเกษมราษฎร์เป็นผู้รับส่งต่อ"นพ.เฉลิม กล่าว
ปัจจุบัน KH มีศูนย์แพทย์เฉพาะทางของโรคที่ต้องใช้เทคโนโลยีการรักษษระดับสูง เข่น ศูนย์ผ่าตัดหัวใจ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลเอกชน ศูนย์รักษาโรคมะเร็ง และศูนย์ดวงตา ซึ่งขณะนี้สามารถทำรายได้ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ไม่ได้มีรายได้หลักจากบัตรทองเท่านั้น แต่มีรายได้จากการรักษาโรคในระดับตติยภูมิด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ