โบรกฯ ยังหนุน"ซื้อ" BEC คาดแนวโน้มกำไร Q2/51 โตต่อหลังปรับขึ้นค่าโฆษณา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 17, 2008 16:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) แม้ราคารูดลง มองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/51 เติบโตต่อเนื่องหลังปรับขึ้นค่าโฆษณาเมื่อ พ.ค.ทีผ่านมา และคาดว่าทั้งปีแนวโน้มกำไรเติบโตกว่าปีก่อน จากเรตติ้งละครยังกระฉูด ขณะที่ ร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัท แต่กลับส่งผลดีคุ้มครองจนหมดอายุสัญญาสัมปทาน เทียบราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่มาก จึงน่าเป็นโอกาสเข้าลงทุน 
แต่ก็ให้ระมัดระวังช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์อาจพลิกผันได้ เพราะปัจจัยลลบทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูง อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง รวมทั้ง การเมือง อาจทำให้การใช้เม็ดเงินโฆษณาชะลอตัวได้
ช่วงบ่ายนี้ ราคา BEC เคลื่อนไหวอยู่ที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท (-2.88%) เมื่อเวลา 15.36 น. โดยวานนี้ราคาหุ้นได้ปรับลงต่ำสุดที่ 24.70 บาท ทำนิวโลว์ในรอบ 3 เดือน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 33.00
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อ 33.00
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 32.40
บล.ฟิลลิปฯ ซื้อ 28.25
นักวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า BEC ไม่ได้รับผลกระทบจากร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แต่จะกระทบกับ MCOT ในฐานะเจ้าของสัมปทาน และเป็นรัฐวิสาหกิจที่กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งรายได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของรายได้จากธุรกิจสัมปทาน ตามที่พ.ร.บ.ฯระบุ
ประกอบกับ แนวโน้มรายได้และกำไรของ BEC เติบโตในไตรมาส 2/51 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และได้มีการปรับผังช่วง non-prime time ตั้งแต่เช้า-บ่าย เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตัวรายได้ค่าโฆษณาดีขึ้น
"แต่อย่าลืมว่ามีประเด็นเรื่องของการเมือง น้ำมัน และ เงินเฟ้อ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบในครึ่งปีหลังได้เหมือนกัน เพราะถ้าน้ำมันราคายังสูงเกิดค่าใช้จ่ายมาก อาจทำให้ผู้ลงโฆษณาอาจมีการชะลอ หรือตัดงบลงทุน เหือประหยัดงบ แต่ ณ วันนี้ก็ยังน่าลงทุน ก็ยังโอเค ยังมี upsided 10% กว่าๆ ดูแนวโน้มกำไรน่าจะดีกว่าไตรมาส 1/51 และ ไตรมาส 2/50" นายวิเคราะห์กล่าว
ด้าน น.ส.สุธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่าในแง่พื้นฐาน BEC ยังดี และราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมาย รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการคาดว่าทั้งปี 51 และในไตรมาส 2/51 เติบโตต่อเนื่อง และมาร์เก็ตแชร์ก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 51 โตขึ้น 18% หรือเพิ่มเป็นประมาณ 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น มาจาก TITV ที่เปลี่ยนมาเป็นทีวีสาธารณะเมื่อต้นปี ทำให้เรตติ้งดีขึ้น รวมถึงการได้ปรับขึ้นค่าโฆษณา เฉลี่ย 7-20%
"ราคาที่ปรับตัวลงดูแล้วน่าสนใจ และยังมี upside อยู่พอสมควร" น.ส.สุทธาทิพย์ กล่าว
ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.นครหลวงไทย ให้เหตุผลแนะนำเข้าลงทุนหุ้น BEC ว่าเนื่องจากบริษัทยังสามารถขายเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งๆที่ปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา ซึ่งทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 2/51 ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง โดยในเดือนพ.ค.มีการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ 7% จากปีก่อน ถือว่าเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกหลังปิดตัว TITV
รวมทั้ง BEC มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาของช่วงไพร์มไทม์อื่นๆ ในอัตราประมาณ 14-20% ซึ่งมีผลตั่งแต่ พ.ค.ที่ผ่านมา และ สถานีโทรทัศน์ยังได้รับความนิยมจากละครสูงอยู่
ส่วนประเด็นความเสี่ยงจากการประกาศใช้ ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม นั้นไม่ได้รับกระทบ เพราะอยู่ในฐานะผู้ที่ได้รับสัมปทาน ซึ่งบริษัทก็ยังคงจ่ายค่าสัมปทานในอัตราเดิม ขณะที่ MCOT อาจสูญเสียรายได้จากธุรกิจร่วมการงานคือ BEC และ TRUE VISION

แท็ก (BEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ