โบรกชั้นเซียนมองการเมืองไม่น่ารุนแรง แต่ทำตลาดฝุ่นตลบ-กำไร บจ.ยังโตดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 19, 2008 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เชื่อว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดความวุ่นวายในขณะนี้คงจะไม่รุนแรงเหมือนในอดีต แม้ว่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้มีสิทธิร่วงไปถึงระดับ 600-700 จุด แต่หากเหตุการณ์คลี่คลายก็มีโอกาสดีดตัวขึ้นมาแรงได้เช่นกัน จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนสามารถเข้าไปเก็บหุ้นบางตัวที่ราคาลงไปต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างมาก
"มองว่าสถานการณ์การเมืองครั้งนี้ที่ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา จึงมี Gap ที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ลดลงได้ และหุ้นบางตัวก็ปรับต่ำกว่าพื้นฐานค่อนข้างมาก" นางภรณี กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"วิกฤตหรือโอกาสตลาดหุ้นไทยผ่านมุมมองนักวิเคราะห์ชั้นเซียน"
ทั้งนี้ หากดัชนี SET ปรับตัวลดลงตามที่คาด ก็จะทำให้พี/อีปรับลงมาอยู่ที่ 10 เท่า จากต้นปีพี/อีอยู่ที่ 11-12 เท่า แต่ถ้าพิจารณาสถานการณ์การเมืองในปี 49 พอเกิดปัญหาดัชนีก็ปรับลงไป 9.86% หรือ พี/อีที่ 10 เท่า แต่เมื่อมีความชัดเจนพี/อีก็ปรับขึ้นมาทันทีมาอยู่ที่ 13-14 เท่า
นางภรณี กล่าวว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมัน เนื่องจากกลุ่มพลังงานมีน้ำหนักถึง 40% ในตลาดหุ้นไทย จึงน่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นได้
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนจากความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้จะเป็นปัญหาเหมือนกันทั้งภูมิภาค แต่ก็ส่งผลให้นักลงทุนที่มีความกังวลเทขายหุ้นออกมา เพราะคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในเดือนส.ค.51 จะปรับตัวขึ้นสูงสุดกว่า 10% และหลังจากนั้นจะค่อย ๆ ชะลอตัว
"เวลามีเงินเฟ้อ ราคาหุ้นจะปรับลงเื่พื่อสะท้อนความเสี่ยงหรือชดเชยกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่ก็อยากให้มองว่ามีหุ้นที่เติบโตได้ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อเช่นกัน"นายสุกิจ กล่าว และแนะนำให้เลือกลงในหุ้นที่ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มโรงพยาบาล, TSTH, ท่องเที่ยว และอาหารบางตัว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเงินเฟ้อไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนมากในปีนี้ เพราะ Fundamental และเงินเฟ้อได้มีความสมดุลกัน ที่สำคัญยังถือว่าประเทศไทยจัดการเงินเฟ้อได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอีกหลายประเทศ
"ที่เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาสินค้าและพลังงานปรับสูงถึง 40% ส่วนปัญหาการเมืองเป็นสถานการณ์ที่รับรู้แล้ว แต่ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อตลาด เพราะตอนนี้เหมือนฝุ่นตลบ ทำให้ต้องขายออกไปก่อน"
สำหรับความกังวลในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น เชื่อว่า หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการปรับเป็น Step เืพื่อป้องกันเงินเฟ้อที่จะเกิดในอนาคตมากกว่าจะเป็นการปรับขึ้นในระยะสั้น และขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของเราก็ยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ