BLAND คาดปี 51/52 มีรายได้จากอิมแพคเพิ่มเป็น 1.8 พันลบ.จาก 1.6 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 29, 2008 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) เปิดเผยว่า ปีนี้(2551-2552)บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมเนจเม้นท์ หรือ "อิมแพค" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BLAND ในสัดส่วนที่ถือหุ้น 55.17% จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,620 ล้านบาท ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจและการเมืองจะส่งผลให้ผู้จองพื้นที่ชะลอการจัดงานไปบ้าง แต่เชื่อว่านับจากนี้จะมีผู้มาติดต่อขอเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น  
ขณะเดียวกันก็จะพยายามสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะจะสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แม้ในปัจจุบันจะไม่สามารถจ่ายปันผลได้ก็ตาม เพราะยังมีขาดทุนสะสมอยู่จำนวนมาก แต่การที่มีรายได้จากอิมแพคเพิ่มขึ้นจะเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุน Ashmore ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิมแพคอยู่แล้วในปัจจุบัน ในการดำเนินการสร้างศูนย์การค้าและศูนย์บันเทิงครบวงจร ส่วนจะเห็นเมื่อไรนั้นคงจะอยู่ที่การเจรจาแต่ในส่วนของบริษัทฯจะเป็นผู้ลงทุนด้วยที่ดิน สำหรับเรื่องของเงินลงทุนด้าน Ashmore จะจัดการเอง
Ashmore เป็นกองทุนในยุโรปมีมูลค่าทรัพย์สิน 4 หมื่นกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีวัตถุประสงค์เลือกลงทุนในบริษัทฯที่มีศักยภาพที่ดีและลงทุนไปทั่วโลก ซึ่ง Ashmore ซื้อหุ้นอิมแพคครั้งนี้ เพราะ Ashmore เห็นว่าอิมแพคมีการเติบโตและมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
"ยอมรับว่าตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ BLAND ที่ยังมีขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ ถึงแม้อิมแพคจะมีการเติบโตที่ดี แต่มันก็เป็นคนละบริษัทฯ จึงไม่เอาส่วนของอิมแพคมาตัดจ่ายให้ผู้ถือหุ้นของ BLAND ได้"นายอนันต์ กล่าว
นอกเหนือจากการจับมือกับพันธมิตรแล้ว ทางอิมแพคมีแนวคิดที่จะทำโรงแรมจำนวน 1 พันห้องเพื่อรองรับผู้ที่มาออกบูธและเยี่ยมชมงาน โดยเฉพาะต่างประเทศ และยังสามารถสร้างรายได้ให้อิมแพคได้เพิ่มขึ้นด้วย
ประธานกรรมการ BLAND กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทฯคงจะชะลอในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ออกไปก่อน เนื่องจากภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯยังมีทิศทางที่ไม่ดี อีกทั้งต้นทุนก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการอยู่ 2 โครงการมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ในเมืองทองธานี และเพชรบุรีตัดใหม่-มักกะสัน ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเสนอขายได้เมื่อไร เนื่องจากบริษัทฯต้องการที่จะรอดูสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาฯ และสถานการณ์การเมืองก่อน
ส่วนที่ดินที่บริษัทฯมีอยู่ที่ย่านศรีนครินทร์ กรุงเทพกรีฑา เมืองทองธานี ประมาณ 2 พันไร่ คงจะยังไม่รีบจัดสรรทำอะไรในตอนนี้ แม้ราคาที่ดินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ