QHศึกษาขยายธุรกิจไปเวียดนาม/รุกตลาดล่างในปท.-ปรับขึ้นราคาคอนโดฯหลังสวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 6, 2008 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสการขยายธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเวียดนาม รวมทั้งการเพิ่มรูปแบบโครงการใหม่ที่เจาะตลาดระดับล่างในประเทศ และจะมีการปรับขึ้นราคาโครงการเดิมที่เปิดตัวไปแล้วเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 
การขยายธุรกิจไปยังเวียดนามคงต้องศึกษาอย่างรอบคอบ เพราะถึงแม้ในช่วงนี้จะเป็นโอกาสที่ระดับราคาถูก เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามไม่ดี มีปัญหาเงินเฟ้อ และที่สำคัญค่าเงินเวียดนามยังมีความผันผวนหากเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง การที่จะแปลงเป็นรายได้มาเป็นเงินบาทอาจไม่คุ้ม
นายรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโครงการระดับราคาล่างที่มีระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยเบื้องต้นจะพัฒนาในรูปแบบโครงการทาวน์เฮาส์ย่านราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ซึ่งได้ซื้อที่ดินไว้แล้วกว่า 20 ไร่ จะสร้างโครงการขนาด 200 ยูนิต
บริษัทยังอยู่ระหว่างการยืนยันกับผู้่ก่อสร้า่งรายเดิมของโครงการคอนโดมิเนียมย่านหลังสวนว่าจะสามารถก่อสร้างต่อได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่สา่มารถทำได้ก็จะใช้ผู้ประกอบการรายใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าการก่อสร้างในครั้งนี้ค่าใช้จ่ายคงจะ่ต้องปรับเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งก็จะทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นด้วยเป็น 2 แสนบาทต่อตร.ม.จากเดิมที่วางราคาไว้ 1.6 แสนบาทต่อตร.ม. โดยจะเริ่มสร้างปลายเดือนส.ค.นี้ และ เปิดขายต้นเดือนก.พ.52
นายรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 2.5-3.0 พันล้านบาท ในเดือนก.ย.51 เพื่อนำเงินไปใช้ในการซื้อที่ดินใหม่และชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในปีนี้ 1,500 ล้านบาท และจะครบกำหนดในปีหน้าอีก 2,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดนี้จะอยู่ในระดับต่ำกว่าหุ้นกู้ชุดเดิม
CEO ของ QH เปิดเผยอีกว่า รายได้ของบริษัทในในไตรมาส 2/51 คาดว่าจะเติบโตราม 20% จากไตรมาส 1/51 ที่มีรายได้ จาก 2.4 พันล้านบาท และ อัตรากำไรสุทธิจะดีกว่าไตรมาส 1/51 รวมทั้ง คาดว่าทั้งปี 51 อัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 14% จาก 10% ในปี 50 หลังจากมีการปรับขึ้นราคาขายโครงการ และรับประโยชน์จากมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์
ส่วนแผนการขยายขนาดกองทุันอสังหาฯที่ 3,000 ล้านบาทนั้น คงจะเ็ห็นในปีหน้าเพราะตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตในการปรับเปลี่ยนรูปแบบบโครงการจากเดิมที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เป็นโรงแรม แต่ก็สามารถรอได้ และมองว่าในตอนนี้สามารถระดมทุนจากหุ้นกู้แทนได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ