ZMICO เน้นจุดแข็งมาร์จินโลนดึงรายย่อย รับปีนี้มาร์เก็ตแชร์ยากถึงเป้า 5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 3, 2008 10:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          แหล่งข่าวจากฝ่ายบริหาร บล.ซีมิโก้(ZMICO) ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯคงจะเน้นฐานลูกค้ารายย่อย(retail)ต่อไป แม้ปัจจุบันขนาดรายย่อยของตลาดโดยรวมจะเล็กลง ชูมาร์จิ้นโลนเป็นเครื่องมือหลักที่ทำให้สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในวงการโบรกเกอร์ โดยปัจุบันปล่อยมาร์จินฯ ให้ลูกค้าแล้วเกือบ 2,000 ล้านบาทมากที่สุดในกลุ่มโบรกเกอร์ และทุกวันนี้โชคดีที่ยังไม่เคยพลาด
"ผมอยู่กับ retail มาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น ZMICO ก็ทำ retail ต่อไป เพราะว่ามันไปทำสถาบันไม่ได้ ชั่วโมงนี้ถ้าจะเข้าไปทำสถาบันแหนื่อยมาก เหนื่อยมาก สถาบันตอนนี้เจาะยากมาก แม้แต่กองทุนในประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการต่อรอง แต่เขา demand เยอะ อีกอย่างหนึ่งเขาเป็นลักษณะที่จะต้องเอาธุรกิจมาแลกกันด้วย แล้ว need ที่เขาต้องการ ซึ่งมันไม่ง่าย
ทุกวันนี้ ratial มันเล็กลงทุกวัน สมัยก่อน retail 70% เดี๋ยวนี้ retail เหลือไม่เกิน 50% แล้ว มันก็เหนื่อย สมัยก่อนสถาบันมีแค่ 3% ฝรั่งมีกว่า 20 % ที่เหลือเป็น retail หมด แล้ววันนี้สถาบันเกือบ 20% แล้ว ฝรั่งประมาณ 30% retail เหลือ 50% มันก็เหนื่อย เพราะฉะนั้นจะต้องไปเล่น nitch แล้ว ก็คือเอาตัวมาร์จินเข้ามา ก็ตัวนี้ตัวเดียว ซึ่งผมมี maximum คนหนึ่งไม่เกิน 100 ล้านบาท การปล่อยมาร์จินก็มีกติกาของมันอยู่"ผู้บริหาร ZMICO กล่าว
ผู้บริหาร ZMICO กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีเพียงเครื่องมือเดียวที่จะต่อสู้กับคู่แข่งรายอื่น คือ สินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์(margin loan)แต่ไม่ได้หมายความว่าการปล่อยมาร์จิ้นจะทำโดยสุ่มเสี่ยง เพียงแต่มีความคล่องตัวสูง(Flexibility) และยังไม่เคยมีความเสียหายจากมาร์จิ้นที่ปล่อยไป
"ผมโชคดีที่มาร์จินผมไม่เสียหาย ในขณะที่ตอนที่เสียหายกันก็พูดกันเยอะว่า โอ้ย ซีมิโก้ตายแล้ว มาร์จินเจ๊งแหลกเลย
...ผมคิดว่าวันนี้ผมปล่อยมาร์จินเยอะที่สุดในตลาดฯ ประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาท แต่ว่ามันเป็นเครื่องมือตัวเดียวที่จะทำให้ผมยืนอยู่ในตลาดฯได้"
"ถามว่ากลัวไหม ผมกลัวเหมือนกัน แต่ว่าถ้ามัวแต่กลัวมันก็ไม่ได้ทำนะ คือมันต้องทำนะ ผมก็จะปล่อยมาร์จินอยู่แค่นี้แหล่ะไม่ทำมากกว่านี้แล้ว ถ้าคนมาขอมาร์จินอีกก็ไม่ให้แล้ว เพราะว่ามันเยอะแล้ว เดี๋ยวพลาดไปก็แย่เลย ทุกวันนี้ก็ยังโชคดี อาศัยว่าดวงยังดี ยังไม่พลาด"แหล่งข่าว กล่าว
*ยอมรับมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ยากถึงเป้า 5% ปัจจุบันทำได้ 3-4%
ผู้บริหาร ZIMCO กล่าวอีกว่า ส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3-4% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% ในปีนี้(2551) และเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะหมดปีแล้ว บริษัทฯคงจะทำมาร์เก็ตแชร์ให้ถึงเป้าหมายได้ไม่ง่าย
"การจะทำมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ให้เข้าเป้าที่ 5% คงทำได้ไม่ง่าย จะทำจากอะไร มาร์เก็ตติ้งคนหนึ่งมีมาร์เก็ตแชร์แค่ประมาณ 0.02-0.03% ของวอลุ่มเทรดตลาดรวม นี่ถือเป็นมาร์เก็ตติ้งที่ดีมีคุณภาพแล้วนะ จะทำมาร์เก็ตแชร์ให้ได้ 3% คุณจะต้องมีมาร์เก็ตติ้งถึง 100 คน แล้วให้เขาทำวอลุ่มได้เท่านั้นเท่านี้...อยู่นาน ๆ แล้วจะรู้ทำงานมันไม่ง่าย ยากมาก ยอมรับเลยนะตอนนี้ผมยังมองไม่ออกว่าธุรกิจหลักทรัพย์ต่อไปในอนาคตจะเดินไปทางไหน"ผู้บริหาร ZMICO กล่าว
ผู้บริหาร ZMICO กล่าวว่า บริษัทฯยังคงเน้นธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ต่อไป โดยบริษัทฯมีฐานลูกค้าที่หลากหลายพอสมควร ถ้านับ retail ด้วยกันบริษัทฯก็น่าจะอยู่ในอันดับไม่เกินที่ 5 หรือที่ 6 อันดับหนึ่งต้องยกให้ KIMENG กับ ASP ซึ่งยอมรับว่า ASP มีฐานลูกค้ารายย่อยที่เยอะมาก
"การดำเนินธุรกิจของ ZMICO ยังเดินตามเดิม อาชีพนี้มันทำอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องเป็น brokerage ไป เราก็เป็นฐานรายย่อย 90% สถาบันมีอยู่นิดหนึ่ง ก็มีประดับ จริง ๆ ผมอยากจะทำสถาบันมานานแล้วแต่ไม่ค่อยมีโอกาส แล้ววันนี้ถ้าจะให้ทำสถาบันบอกได้เลยว่ายากมาก"ผู้บริหาร ZMICO กล่าว
ส่วนมาร์เก็ตแชร์ของตลาด TFEX ของบริษัทฯมีอยู่ประมาณ 5-6% ก็ยังมีไม่มากแต่ก็ถือว่าใช้ได้ ซึ่งบริษัทฯยังให้การสนับสนุนสินค้าใหม่ ๆ ของตลาดหลักทรัพย์ โดยมองว่าในอนาคตหากมีเรื่องทอง(Gold)เข้ามา บริษัทฯก็มีความพร้อมที่จะทำได้อยู่แล้ว
*ยังเล็งหาพันธมิตรใหม่ มองเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอด
ผู้บริหาร ZMICO กล่าวว่า การหาพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าหาพันธมิตรต่อไป แม้ว่าจนถึงขณะนี้บริษัทจะยังไม่มีพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมงาน และปัจจุบันไม่มีธนาคารเป็นแบ็คอัพเหมือนโบรกเกอร์รายอื่นหลายรายก็ไม่เป็นไร
"บริษัทฯก็ต้องอยู่แบบ nitch ไปก่อน ยังดีที่มี nitch ให้เล่นก็คือหาช่องโหว่ของตลาดฯแล้วเข้าไปเล่นตรงนั้น แต่เท่าที่ทราบตอนนี้แบงก์ก็พยายามจะเข้ามาขอเอี่ยวในธุรกิจหลักทรัพย์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในอนาคตรูปแบบการลงทุนคงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร"แหล่งข่าว กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ